จากกรณี คลิปเหตุการณ์น่าหวาดเสียว หลังวัยรุ่นชายพร้อมผู้โดยสารขับรถเก๋งไปบนถนนในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคันรถ และมีวัยรุ่นชาย 3 คน ขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ และฝากระโปรงหลัง ลักษณะคล้ายอยู่ในอาการมึนเมา ส่งเสียงดังโวยวายไปตามเส้นทาง สร้างความตกใจ และอาจเกิดอันตราย ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนที่อยู่บริเวณนั้น โดยผู้ที่พบเหตุต่างก็ถ่ายคลิปภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ได้ ก่อนที่จะโพสต์ลงในโซเชียล ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เสี่ยงให้เกิดอันตรายต่อตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนน สร้างความเดือดร้อน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ล่าสุด พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองมหาสารคาม ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบชื่อคือนายบอส อายุ 18 ปี ซึ่งแม่ของนายบอส ได้พาตัวเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นนายบอส ยอมรับว่า เป็นผู้ที่ขับรถคันดังกล่าว ซึ่งคืนนั้นประมาณตี 3 ได้รวมตัวกับเพื่อน ๆ พากันขับรถเล่นรอบเมือง เกิดความคึกคะนองในกลุ่มเพื่อน เพื่อนบางคนอยากได้คอนเทนต์ ก็เลยขึ้นไปบนหลังคารถ และไปนั่งบนฝากระโปรงหลัง ก็ไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายคลิปแล้วเอาไปลงโซเชียล ไม่คิดว่าจะดังขนาดนั้น
โดยตอนแรกก็นั่งในรถกันไปดี ๆ ขับรถไปจากริมคลองสมถวิล ไปถึงหน้าตะวันแดง ก่อนจะยูเทิร์นเข้ามาในเมือง พอถึงสี่แยกวัดสามัคคี ตรงร้านขายของชำ เพื่อน 3 คนก็เลยขึ้นหลังคา ตนก็ขับไปทางตะวันแดงอีกรอบ แล้วก็ยูเทิร์นรถ กลับเข้ามาในเมือง แล้วก็กลับหอ ไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายคลิปไว้ เป็นเพราะความคึกคะนองที่อยู่กับเพื่อน ๆ ส่วนที่โวยวายเสียงดัง เพราะว่าเพื่อนแสบตา ที่รถที่ขับผ่านไปผ่านมา เขาเปิดไฟสูงใส่ ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะตอนนั้นก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ขอโทษจริง ๆ และต้องขอโทษพ่อกับแม่ด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง และหากเพื่อนตกจากรถได้รับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตายก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นความผิดตามกฎหมาย พ่อแม่ผู้ปกครองก็อาจจะมีความผิดไปด้วย อีกประการหนึ่งคือ พ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย ต้องสังเกตพฤติกรรมของลูกหลานด้วยว่า มีพฤติกรรมไปในทิศทางไหน ก็ต้องดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือน และได้ทำประวัติไว้ เพื่อไม่ให้ก่อเหตุซ้ำอีก
