ชาวบ้านหนองหญ้าแก้ว อพยพเข้าบังเกอร์ กัมพูชาแพร่ข่าวเท็จ กดดันไทยปล่อยตัวเชลย

View icon 59
วันที่ 13 พ.ย. 2568 | 07.01 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้านหนองหญ้าแก้ว ที่อพยพเข้าไปอยู่ในบังเกอร์ หลังสถานการณ์ชายแดน เริ่มตึงเครียด

หลังจากมีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ที่ฝั่งกัมพูชา บริเวณจุดตรวจ 35 ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ประมาณ 1 กิโลเมตร เวลา 19.14 น. ของเมื่อวาน ฝ่ายความมั่นคงและอาสาสมัคร ชรบ. ที่ประจำพื้นที่ได้รีบประสานกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเข้าบังเกอร์ที่ใกล้บ้านที่สุด

โดยชาวบ้านที่อพยพมาส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มเปราะบาง มีทั้งคนชรา เด็ก คนพิการ และคนป่วย หอบสัมภาระมาหลบในบังเกอร์ ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกัน ช่วง 22.00 น. พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เดินทางมาดูความเป็นอยู่และให้กำลังใจชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ในบังเกอร์ พร้อมยืนยันจะปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ซึ่งชาวบ้านรู้สึกอุ่นใจและประทับใจ อวยพรให้ทหาร ทำหน้าที่รักษาชายแดนทุกคนปลอดภัย

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ประมาณ 16.00 น. ทหารกัมพูชาใช้ปืนยิงเข้ามาบริเวณบังเกอร์ฝั่งไทย ประมาณ 30 นัด

กองกำลังบูรพา ได้ยิงเตือนและดำเนินการโต้ตอบเหตุการณ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนสถานการณ์จะสงบลง

จากนั้น สื่อกัมพูชา เสนอข่าวอ้างว่า ทหารไทยใช้กำลังกับพลเรือนกัมพูชา ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 คน

กองทัพบก ชี้แจงว่า ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเข้ามายังฝั่งไทย ฝ่ายไทยจึงได้เข้าแนวกำบัง และได้ทำการยิงตอบโต้ไปยังจุดที่มีการยิงเข้ามา โดยใช้กำลังเท่าที่จำเป็นตามหลักกฎการใช้กำลัง เพื่อระงับเหตุและปกป้องอธิปไตยของชาติ รวมถึงความปลอดภัยของกำลังพลในพื้นที่

ยังไม่จบเท่านี้ สื่อกัมพูชา ประโคมข่าวอ้างว่า ไทยไม่ยอมทำตามข้อตกลง 12 พฤศจิกายน จะปล่อยตัวเชลยศึก 18 คน และยังเผยแพร่ภาพสื่อมวลชนกัมพูชา พร้อมรถพยาบาลหลายคันมาจอดรอรับตัวเชลย บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบภาพที่ปรากฏในสื่อฝั่งกัมพูชา เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อบิดเบือนข้อมูลและสร้างแรงกดดันต่อไทย เนื่องจากภาพเจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชา ประสานขอรถพยาบาลมาจอดรอบริเวณแนวชายแดนอรัญประเทศ เป็นการรอรับศพชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตในฝั่งไทยกลับประเทศบ้านเกิด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปล่อยตัวเชลยศึกแต่อย่างใด 

ที่สำคัญ สื่อมวลชนกัมพูชา เดินทางมาทำข่าวตามข้อมูลที่ได้รับ โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ยืนยันไม่มีการเจรจาปล่อยตัวเชลยศึกตามที่สื่อกัมพูชากล่าวอ้าง เพราะทุกขั้นตอนดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายของไทย

สื่อกัมพูชา ยังไม่หยุดสร้างข่าวเท็จ อ้างว่าทหารกัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในเชลยศึก 1 นาย เสียชีวิตลงจากอาการหัวใจล้มเหลว ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทย โดยทางการไทยได้ส่งศพกลับมายังกัมพูชา ผ่านทางด่านพรมแดนระหว่างประเทศปอยเปต ซึ่ง พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ตรวจสอบเป็นข่าวปลอมจากกัมพูชา