หนุ่มนักศึกษาหื่น ชวน ด.ญ. 9 ขวบ ขึ้นเก๋งไปทำอนาจาร

หนุ่มนักศึกษาหื่น ชวน ด.ญ. 9 ขวบ ขึ้นเก๋งไปทำอนาจาร

View icon 596
วันที่ 13 พ.ย. 2568 | 15.23 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แม่ร้องสื่อ หลังลูกสาววัย 9 ขวบ ถูกคนขับรถเก๋งสีดำล่อลวงขึ้นรถ ขับพาไปที่เปลี่ยว กระทำอนาจาร พบคนขับเป็นหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง ย่านรังสิต ฝ่ายผู้ก่อเหตุอ้างแค่จะพาไปกินข้าว

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวเจ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี ว่าลูกสาวของตนเอง ถูกคนขับรถเก๋งสีดำ ล่อลวงให้ขึ้นไปบนรถ ก่อนขับพาไปจอดในที่เปลี่ยว แล้วบังคับให้เด็กไปที่เบาะหลัง ใช้ผ้าปิดตาเด็ก พร้อมตั้งกล้องถ่ายคลิปพยายามกระทำอนาจาร โดยนางสาวเจ กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.45 น. น้องเอ วัย 9 ขวบ ได้ปั่นรถจักรยานออกจากบ้าน เพื่อไปซื้อขนมและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ร้านค้า ภายในชุมชนหัวนาล่าง เขตเทศบาลเมืองปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

โดยหลังจากซื้อของที่ร้านค้าเสร็จแล้วกำลังจะปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน ได้มีรถเก๋งสีดำ มีชายวัยรุ่นเป็นคนขับ ได้ขับรถมาเปิดกระจก และตะโกนถามเด็กหญิงเอว่า ที่นี่ใช่ชุมชนหัวนาล่างหรือไม่ ซึ่งลูกสาวของตนก็ตอบไปว่าใช่ ก่อนที่ชายวัยรุ่นคนดังกล่าว จะพยายามชักชวนให้ลูกสาวของตนขึ้นไปบนรถ โดยอ้างว่า มีของบางอย่างจะให้ดู แต่ลูกสาวของตนไม่ยอมขึ้นไปบนรถ ทำเพียงชะโงกหน้าเข้าไปดูภายในรถแต่ก็ไม่พบว่ามีอะไร เป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถกระบะขับสวนมา ทำให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าว บอกให้ลูกสาวของตนจอดรถจักรยานที่ข้างทาง เพื่อหลบให้รถกระบะขับสวนออกไปก่อน เมื่อรถกระบะขับออกไป ชายคนดังกล่าวได้บอกให้ลูกสาวของตนปั่นรถจักรยานไปจอดพื้นที่ว่างริมถนน ก่อนจะขับรถแซงขึ้นไป และข่มขู่ให้ลูกสาวของตนขึ้นมาบนรถ โดยขู่ว่าหากไม่ยอมขึ้นมาบนรถ จะขับรถตามแบบนี้ไปตลอดไม่ยอมเลิก ทำให้ลูกสาวของตนต้องยอมขึ้นไปบนรถคันดังกล่าว

จากนั้น ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวได้ขับรถ พาลูกสาวของตนไปจอดในพื้นที่ซอยเปลี่ยว ซึ่งเป็นพื้นที่ทิ้งขยะ ในพื้นที่หมู่ 10 ชุมชนจัดสรรวัดเหนือ 1 ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้น ชายวัยรุ่นคนเดิม ได้จอดรถ และกระโดดข้ามจากเบาะ ที่นั่งคนขับด้านหน้าไปยังเบาะด้านหลัง และบังคับให้ลูกสาวของตนมาที่เบาะด้านหลัง ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือ กดถ่ายคลิปวีดีโอโดยตั้งกล้องโทรศัพท์มือถือไว้ที่บริเวณเบาะคนขับ แล้วใช้เสื้อที่อยู่บนรถมาถูกปิดตาลูกสาวของตน ก่อนจะบังคับให้ลูกสาวของตน อ้าปากแล้วก้มหน้า เพื่อพยายามกระทำอนาจาร แต่ลูกสาวของตนไม่ยอมอ้าปากก่อนจะร้องไห้และขอให้ชายคนดังกล่าวพากลับไปส่งยังจุดเดิม สุดท้าย ชายคนดังกล่าวใจอ่อนและยอมขับรถพาเด็กคนดังกล่าวกลับมาส่งที่จุดจอดจักรยานทิ้งไว้ และขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากลูกสาวของตนปั่นรถจักรยานกลับมาถึงบ้าน มีอาการตื่นตกใจอยากเห็นได้ชัด และร้องไห้ตลอดเวลา ทางครอบครัวจึงสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น กระทั่ง ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงช่วยกันขี่รถออกตามหารถเก๋งคันดังกล่าวแต่ก็ไม่พบ จึงได้พาลูกสาวเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้กลับมาติดตามหาหลักฐานจากคลิปกล้องวงจรปิด ซึ่งทางครอบครัวได้แยกย้ายกันออกติดตามหาภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิด จนรวบรวมคลิปกล้องวงจรปิดและเห็นหมายเลขทะเบียนรถคันที่ก่อเหตุอย่างชัดเจน จึงเดินทางนำคลิปหลักฐานดังกล่าวไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการตรวจสอบหาเจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าว

กระทั่งทราบว่า เจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต ซึ่งมีภูมิลำเนาเป็นชาวอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และมีแม่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในอำเภอทองผาภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อไปยัง หนุ่มนักศึกษาคนดังกล่าว แต่ไม่อนุญาตให้ครอบครัวของผู้เสียหายได้เข้าพบหรือพูดคุยด้วย

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการพูดคุยกับทางผู้ก่อเหตุและครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ทำให้ทราบว่า ในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถเก๋งมาหาแฟนสาว ซึ่งอยู่ในชุมชนบ้านหัวนาล่างเช่นกัน แต่ไม่พบแฟนสาวอยู่ที่บ้าน ถึงได้ขี่รถตระเวนตามหาแฟนสาว กระทั่งมาพบลูกสาวของผู้เสียหาย ปั่นรถจักรยานอยู่ข้างทาง จึงได้เข้าไปพูดคุยและชักชวนขึ้นรถ โดยทางผู้ก่อเหตุอ้างว่า ต้องการเพียงจะพาเด็กหญิงคนดังกล่าวไปกินข้าว ไม่ได้กระทำอนาจารใดๆ ซึ่งขัดแย้งกับพฤติกรรมการก่อเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอนุญาตให้ หนุ่มวัยรุ่นก่อเหตุและครอบครัวเดินทางกลับไปได้โดยยังไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ

หลังจากนั้น แฟนสาวของผู้ก่อเหตุ ได้ทักข้อความทาง inbox มาพูดคุยกับแม่ ของเด็กหญิงผู้เสียหาย ก่อนจะพยายามอ้างว่า แฟนหนุ่มของตนเองไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ เพียงต้องการจะพาเด็กหญิง ไปทานข้าวเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ได้กล่าวคำขอโทษ และอยากจะขอเข้ามาเจรจากับทางครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียหาย

อย่างไรก็ตาม นางสาวเจ ซึ่งเป็นแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย รวมถึงครอบครัวของผู้เสียหาย ได้ตกลงร่วมกันว่าจะไม่มีการเจรจาใดๆ กับทางผู้ก่อเหตุ และอยากจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เนื่องจาก พฤติกรรมการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุ ถือเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสังคม ลูกสาวของตนเป็นเพียงเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ไม่ควรจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์ ร้ายแรงเช่นนี้ ทุกวันนี้ ลูกสาวของตนยังคงมีอาการหวาดผวา ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ จากที่เคยเป็นเด็กร่าเริง คุยเก่ง ทุกวันนี้ กลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่กล้าพูดคุยกับใคร ไม่กล้าออกจากบ้านคนเดียว แม้แต่จะออกไปหน้าบ้านในตอนกลางคืนก็ยังไม่กล้า ตนจึงอยากให้ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อจะได้ไม่ไปทำอันตรายกับเด็กหญิงคนอื่นได้อีกต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง