คนละครึ่ง พลัส ยอดร้องเรียนพุ่ง 66 เรื่อง อันดับหนึ่ง ร้านค้าปรับขึ้นราคา

คนละครึ่ง พลัส ยอดร้องเรียนพุ่ง 66 เรื่อง อันดับหนึ่ง ร้านค้าปรับขึ้นราคา

View icon 175
วันที่ 13 พ.ย. 2568 | 16.43 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
คนละครึ่ง พลัส ยอดร้องเรียนร้านค้ารวม 66 เรื่อง ปรับขึ้นราคาพุ่งอันดับหนึ่ง พบให้สแกน QR Code แต่ไม่ได้ร่วมโครงการ “สันติ” เดินหน้าเอาผิด เรียกคืนความเชื่อมั่นประชาชน

วันนี้ (13 พ.ย.68) นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พบว่ามีร้านค้าบางแห่งใช้สิทธิผิดเงื่อนไขของโครงการ เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง

สคบ. ได้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง, กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับร้านค้าที่ทำผิดเงื่อนไขของโครงการ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบ โดยจากการรวบรวมข้อมูลเรื่องร้องเรียนผ่าน 10 คู่สาย สคบ. ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. ถึงวันที่ 11 พ.ย.68 พบการร้องเรียนรวม 66 เรื่อง ประเด็นที่ได้รับการร้องเรียนอันดับหนึ่ง คือ ร้านค้าปรับขึ้นราคาสินค้าหลังจากเข้าร่วมโครงการจำนวน 29 เรื่อง รองลงมาคือ ร้านค้าเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาสินค้าจำนวน 6 เรื่อง, ร้านค้าติดป้ายหรือแจ้งว่าเข้าร่วมโครงการแต่เมื่อผู้บริโภคสแกน QR Code เพื่อชำระเงินกลับพบว่าไม่ได้เข้าร่วมโครงการจำนวน 5 เรื่อง, ร้านค้าคิดค่าธรรมเนียมจากการชำระเงินผ่านโครงการจำนวน 5 เรื่อง และร้านค้าจำหน่ายสินค้าต้องห้าม เช่น บุหรี่ สุรา เบียร์ จำนวน 4 เรื่อง ปัญหาทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของร้านค้าบางส่วนที่เข้าร่วมโครงการ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้สิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ

นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลเชิงรุก และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการของรัฐในระยะยาว ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน เพื่อดูแลร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส และไม่เอาเปรียบประชาชน โดย สคบ.จะช่วยดูแลเรื่องสิทธิของประชาชนในการใช้จ่าย ให้ความรู้เพื่อไม่ให้ถูกหลอก รวมถึงให้คำแนะนำกับร้านค้าให้ทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่โก่งราคา ไม่โฆษณาเกินจริง หรือให้บริการไม่เป็นไปตามที่ระบุ

อย่างไรก็ตาม หากพบการเอาเปรียบหรือฝ่าฝืนเงื่อนไข จะตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยจากการถูกโกง พร้อมทั้งได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง สะท้อนแนวทางการทำงานที่ “รวดเร็ว - เป็นธรรม - เท่าเทียม - ทั่วถึง”