Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 13 พ.ย.68
1.สหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทในไทย เอี่ยวสแกมเมอร์เมียนมา
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตร กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย หรือ DKBA (Democratic Karen Buddhist Army) ในเมียนมา รวมถึงผู้นำระดับสูงอีก 4 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ของแก๊งอาชญากรรมชาวจีนในเมียนมา ที่มุ่งหลอกลวงชาวอเมริกันและชาวจีน รวมถึงคว่ำบาตรบริษัทในประเทศไทย คือ ทรานส์ เอเชีย อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิง กรุป (Trans Asia International Holding Group Thailand Company Limited) และ ทรอธ สตาร์ คอมพานี ลิมิเต็ด (Troth Star Company Limited (Troth Star)) ซึ่งร่วมให้การสนับสนุนกลุ่มอาชญากรรม และอนุญาตในกองกำลัง DKBA มีเงินทุนไปใช้ในกิจกรรมที่เป็นอันตราย
ทั้งนี้ มีรายงานว่า บริษัท ทรานส์ เอเชีย อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิง กรุป ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยมีชาวจีนชื่อนายชะมู สว่าง (Chamu Sawang) หรือ หยู เจี้ยนจุน เป็นผู้บริหาร ซึ่งถูกคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน พร้อมกันนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศตั้งหน่วยเฉพาะกิจ Scam Center Strike Force มุ่งปราบปรามศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเมียนมา กัมพูชา และสปป.ลาว เป็นพื้นที่เป้าหมายหลักในการปฏิบัติการ
2.กัมพูชาร้องต่างชาติสอบสวน เหตุปะทะชายแดนไทย
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงเปิดเผยรายละเอียดเหตุปะทะบริเวณชายแดน เมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) โดยอ้างว่า เมื่อเวลาราว 15 นาฬิกา 50 นาที ที่หมู่บ้านเปรยจัน (Prey Chan) จังหวัดบันเตียเมียนเจย (Banteay Meanchey) ของกัมพูชา ใกล้บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พลเรือน 3 คน เดินไปตามถนนคันดินที่ใช้สัญจรเป็นประจำ ซึ่งในบริเวณใกล้ ๆ กัน ห่างออกไปราว 10 เมตร กองกำลังไม่ติดอาวุธของกัมพูชาได้ประจำการอยู่เพื่อดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งไทย โดยมีเป้าหมายเป็นพลเรือนกัมพูชา ทหารจึงพยายามเข้าไปขัดขวางและช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้ทหารตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายไทยโดยตรง ซึ่งทางการกัมพูชาได้เผยคลิปวิดีโอวงจรปิดที่มีเสียงปืน อ้างว่าเป็นการโจมตีของฝ่ายไทย
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวเพิ่มเติมว่า การโจมตีครั้งแรกจบลงในเวลาราว 16 นาฬิกา 20 นาที ก่อนที่ทหารไทยจะเปิดการโจมตีอีกครั้งในเวลา 17 นาฬิกา 54 นาที ด้วยการยิงปืนไรเฟิล 5 นัด เข้าไปทางฝั่งกัมพูชา ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 3 คน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ประท้วงผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ และระบุว่าจะมีการประสานส่งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT (ASEAN Observer Team) เข้าไปในพื้นที่เพื่อสอบสวนเหตุการณ์ ซึ่งทางการกัมพูชาไม่รอช้า เช้าวันนี้ได้นำทีม AOT ลงพื้นที่เยี่ยมพลเรือนที่อ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากเปิดฉากยิงของทหารไทยถึงขอบเตียงโรงพยาบาลในจังหวัดบันเตียเมียนเจย ก่อนจะนำทีม ลงพื้นที่หมู่บ้านเปรยจัน เพื่อดูร่องรอยที่อ้างว่าเป็นรอยกระสุนที่ทหารไทยยิงใส่พลเรือน รวมทั้งเยี่ยมผู้อพยพด้วย
3."ทรัมป์" ลงนามยุติ "ชัตดาวน์" ยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล ครั้งที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาสหรัฐฯ แล้ววานนี้ (12 พ.ย.) หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติ 222 ต่อ 209 เสียง ก่อนส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเพื่อบังคับใช้ ซึ่งจะมีผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสามารถกลับมาเริ่มดำเนินการโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร รวมทั้งการจ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางหลายแสนคนได้อีกครั้ง อย่างน้อยจนถึงวันที่ 30 มกราคมปีหน้า ซึ่งการชัตดาวน์นานถึง 43 วัน ส่งผลต่อหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ
ทั้งนี้ สส.พรรคเดโมแครต ยังคงแสดงความไม่พอใจที่สมาชิกของพรรคส่วนหนึ่ง โหวตอนุมัติงบประมาณชั่วคราว ทั้ง ๆ ที่ ไม่มีหลักประกันว่า จะมีการขยายเวลาลดหย่อนภาษีเพื่อช่วยชาวอเมริกัน 24 ล้านคน ซื้อประกันสุขภาพราคาถูก ตามที่พรรคเดโมแครตเรียกร้อง
4.เกาหลีใต้ชะลอเปิดตลาดหุ้น-ระงับเที่ยวบิน ให้ นร.สอบ "ซูนึง"
นักเรียนเกาหลีใต้ 554,174 คน ทั่วประเทศ เข้าร่วมการสอบวัดผลเข้ามหาวิทยาลัย หรือ CSAT (College Scholastic Ability Test) หรือที่รู้จักกันในชื่อการสอบ "ซูนึง" (Suneung) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางวิชาการที่สำคัญที่สุดระดับประเทศของเกาหลีใต้ โดยปีนี้มีนักเรียนเข้าสอบมากที่สุดในรอบ 7 ปี มากกว่าปีก่อนถึง 6% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถิติการเกิดที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติในปี พ.ศ.2550
โดยรัฐบาลเกาหลีใต้มีการเปิดศูนย์สอบถึง 1,310 ศูนย์ โดยใช้เวลาสอบตั้งแต่เช้ายันเย็น ตั้งแต่ 08.40 – 17.45 น. 0 นาที ถึง 17 นาฬิกา 45 นาที และในช่วงเวลา 13.05 – 13.40 น. ทางการเกาหลีใต้ได้สั่งระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกทั่วประเทศเพื่อให้นักเรียนมีสมาธิและไม่มีเสียงดังรบกวนการสอบวิชาการฟังภาษาอังกฤษ ส่วนเที่ยวบินต่าง ๆ ยกเว้นเที่ยวบินที่จำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉิน ก็จะต้องบินอยู่ในระยะความสูง 3,000 เมตร หรือสูงกว่า ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปกติจะเริ่มเปิดการซื้อ-ขายในเวลา 09.00 น. ก็เปิดช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่นในช่วงเช้า ส่วนบริการรถไฟใต้ดินในกรุงโซล ก็มีการเพิ่มเที่ยวการเดินรถให้ถี่ขึ้นด้วย เพื่อให้นักเรียนเดินทางไปถึงศูนย์สอบต่าง ๆ ได้ทันเวลา
5.รถบรรทุกพุ่งชนตลาดในเกาหลีใต้ ตาย-เจ็บนับสิบคน
สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อเวลา 10.55 น. ของวันนี้ เกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งชนใส่ทางเท้าที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองบูชอน ทางตะวันตกของกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และผู้บาดเจ็บอีก 18 คน
โดยสื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้ระบุว่า คนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นชายอายุ 60 ปีกว่า ซึ่งถูกควบคุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ และผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นหญิงอายุ 70 ปีกว่า ส่วนในจำนวนผู้บาดเจ็บ มี 3 คน เป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤตที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ และผู้บาดเจ็บ 6 คน จัดเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน
ทางคนขับรถบรรทุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ระบบเบรกไม่ทำงานตอนเหยียบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าคนขับอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าคันเร่งเป็นเบรก และมีข้อสันนิษฐานว่ารถบรรทุกได้วิ่งถอยหลัง 28 เมตร ก่อนวิ่งพุ่งตรงเข้าไปในตลาดเป็นระยะทางประมาณ 150 เมตร