จากเหตุการณ์ลูกช้างป่าพลัดหลงห้วยขาแข้ง ได้ปีนคอกเดินหายเข้าไปในป่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง พบร่องรอยแม่ช้าง ลูกช้าง และโขลงช้างขนาดใหญ่ เข้าป่าลึก จึงเชื่อว่าแม่ช้างมารับลูกกลับคืนโขลงแล้ว
วันนี้ (14 พ.ย. 68) นางสาวชยาภร อามระดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 เผยความคืบหน้ากรณีลูกช้างป่าพลัดหลงบริเวณรอยต่อระหว่างบ้านเขาไม้นวล หมู่ที่ 18 และบ้านโป่งสามสิบ หมู่ที่ 3 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ว่า เมื่อที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ชาวบ้านได้ยินเสียงและพบเห็นลูกช้างตัวเล็กพลัดหลงอยู่บริเวณชายป่าติดพื้นที่เกษตร คาดว่าถูกน้ำป่าพัดพรากจากโขลงขณะเกิดฝนตกหนัก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้เข้าตรวจสอบทันทีโดยใช้โดรนค้นหา แต่ในวันแรกยังไม่พบตัว จึงดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 16.40 น. ทีมเจ้าหน้าที่สามารถเข้าช่วยเหลือลูกช้างได้บริเวณท้ายไร่ในหมู่บ้านที่ 18 และประสานทีมสัตวแพทย์พร้อมเจ้าหน้าที่จากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งเข้าตรวจสุขภาพ พบว่าเป็น ลูกช้างเพศเมีย อายุราว 4-5 เดือน น้ำหนักประมาณ 80-100 กิโลกรัม มีสุขภาพแข็งแรงดี ทางเจ้าหน้าที่ได้ดูแลให้อาหารและป้อนนมทุ พร้อมจัดทำคอกพักชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แม่ช้างและโขลงกล้าเข้ามารับลูก เจ้าหน้าที่จึงไม่เข้าใกล้ตัวลูกช้างมากเกินไป แต่เฝ้าระวังในระยะที่เหมาะสมและใช้โดรนตรวจจับความร้อนบินสำรวจรอบคอกตลอดคืน เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของโขลงช้างในบริเวณใกล้เคียง
ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 06.28 น. เจ้าหน้าที่พบว่าลูกช้างได้ปีนออกจากคอกไปแล้ว การสำรวจโดยใช้โดรนตรวจจับความร้อนพบรอยตีนแม่ช้างและลูกช้างอยู่ใกล้กับคอกพัก จึงสันนิษฐานว่าแม่ช้างได้กลับมารับลูกเข้าโขลงแล้ว เจ้าหน้าที่จึงติดตามตรวจสอบร่องรอยต่อเนื่อง พร้อมวางกำลังตลอด 24 ชั่วโมง และประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านโดยรอบช่วยสังเกตแจ้งเหตุหากพบลูกช้างปรากฏตัว
วันที่ 11 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้ตรวจสอบร่องรอยเพิ่มเติมตั้งแต่คอกช้างจนถึงสันมอมะค่า พบรอยตีนช้างป่าขนาดเล็กใกล้เคียงกับขนาดของลูกช้างที่พลัดหลง พร้อมทั้งพบร่องรอยของโขลงช้างขนาดใหญ่ในพื้นที่เดียวกันยืนยันความเป็นไปได้สูงว่าลูกช้างได้กลับเข้ารวมโขลงเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณที่พบรอยตีน เพื่อติดตามข้อมูลและพฤติกรรมของโขลงช้างป่าอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดที่ 5 (กระทะแตก) เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวในพื้นที่ใกล้เคียง
วันที่ 12 พฤศจิกายน การสำรวจด้วยโดรนตรวจจับความร้อนและการตรวจสอบภาพจากกล้อง CCTV ไม่พบลูกช้างหรือโขลงช้างกลับเข้ามาในบริเวณดังกล่าวอีก ขณะที่เจ้าหน้าที่จุดสกัดฯ ได้ลาดตระเวนตามแนวรั้วลวดหนามเพื่อค้นหาร่องรอยเพิ่มเติมและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะยังคงติดตามเฝ้าสังเกตพื้นที่โดยรอบเพื่อประเมินสถานการณ์และเก็บข้อมูลประกอบการจัดการช้างป่าในพื้นที่ต่อไป
ทางผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจประชากรช้างป่าล่าสุดในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พบว่ามีช้างป่าอาศัยอยู่ประมาณ 300-400 ตัว โดยมีประมาณ 100 ตัวที่ออกมาหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ แบ่งเป็น 5 กลุ่มประชากรหลัก และจากการติดตามพบว่าช้างป่ามีการเคลื่อนย้ายตามฤดูกาลของผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งบางช่วงอาจส่งผลกระทบต่อพืชผลหรือทรัพย์สินของประชาชน จากการลาดตระเวนพบจุดเข้า-ออกของช้างป่าจำนวน 513 จุด แสดงให้เห็นแนวการเคลื่อนไหวและขอบเขตการใช้พื้นที่ของช้างป่าที่ชัดเจน
ทั้งนี้ การที่มีช้างป่าเพิ่มจำนวนและขยายพื้นที่หากินสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในกลุ่มป่าตะวันตกที่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชากรสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นและเริ่มกระจายไปยังพื้นที่ป่าแม่วงก์ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานต้องดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อให้การอยู่ร่วมกันระหว่างคนและช้างป่าเป็นไปอย่างสมดุล