รมช.กลาโหม ยัน ปฏิญญาสันติภาพ ไม่ใช่การละคร มีพยาน 2 ประเทศ ย้ำ ไทยทำตามกติกา วอน อดีตนายทหาร หยุดจ้อ-วิเคราะห์รายวัน อาจกดดันทหารในพื้นที่ทำงานยาก ลั่น 7 ขาทหารไทยที่เสียไป ไม่มีใครไม่รู้สึก ทุกคนโกรธแค้น
วันนี้ (14 พ.ย.68) พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ไปสัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ว่า ยังเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ โดยเรื่องของปฏิญญาสันติภาพไทยกัมพูชาตอนนี้ได้ยุติไว้ทั้งหมด ไม่ใช่การยกเลิก จนกว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะดีขึ้น
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ยืนยันหลังจากที่คณะ AOT มาเลเซียออกมาระบุว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบล่าสุดเป็นของเก่า ก่อนระบุอีกครั้งว่าเป็นของใหม่ว่า ในส่วนตัวเห็นกับตาแล้ว ยืนยันว่าเป็นของใหม่ ซึ่งกัมพูชานำมาวางในพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทย ประมาณ 1 กิโลเมตรห่างจากแนวชายแดน “ไม่ต้องไปถามใครว่าคืออะไร เพราะเห็นกับตาด้วยตัวเอง” พร้อมบอกต่อว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคุยกับทางฝั่งมาเลเซีย คิดว่าอาจจะเป็นความเข้าใจผิด อาจจะได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง และส่วนตัวคิดว่าคณะ AOT ของทุกประเทศมีความเป็นธรรม มั่นใจว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคงไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ส่วนก่อนหน้านี้มีอดีตนายทหารหลายคนออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้จนอาจจะทำให้ กัมพูชาสามารถอ่านเกมและต่อจิ๊กซอว์ประเทศไทยออกนั้น พลโทอดุลย์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องขอร้องกัน อย่าให้พี่น้องทหารแนวชายแดนปฏิบัติงานอยู่แนวหน้าทำงานด้วยความยากลำบาก พร้อมขอให้พี่น้องทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ตามจังหวะเวลาและโอกาส ส่วนที่มีข้อมูลว่าทางฝั่งกัมพูชาได้เสริมกำลังเพิ่มเติมขึ้นตามแนวชายแดนเข้มข้นมากขึ้นนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติที่ทั้ง 2 ประเทศ เตรียมกำลังเตรียมความพร้อม ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่ปกติ
เมื่อถามว่า ตอนนี้มองว่าพัฒนาการชายแดนมีช่องโหว่ หรือข้อผิดพลาดตรงไหนที่จะต้องแก้ไข หรือแนะนำเพิ่มเติมหรือไม่ พลโทอดุลย์ กล่าวว่า สื่อมวลชนอาจจะต้องหยุดให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับความมั่นคง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหาร ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นความกดดันหรือไม่ แต่ยอมรับว่าอาจจะทำให้ทหารทำงานยาก ขอให้เป็นไปตามสถานการณ์ จังหวะ เวลา และโอกาส ขอให้ผู้บังคับหน่วยและผู้บัญชาการ กองกำลังสุรนารี และแม่ทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความพร้อม
“ขออย่าไปกำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่ ทำไมต้องรอ ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปกดดันกัน สงครามรูปแบบใหม่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสงครามข้อมูลข่าวสาร ที่เรากดดันฝ่ายเดียวกันเอง หรือทางฝั่งกัมพูชากดดันเรา มองว่าเรื่องต่างๆ เหล่านี้ เราต้องช่วยกัน ผมมองว่าตอนนี้โชคดีที่รัฐบาล กองทัพและประชาชนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความรักชาติ รักแผ่นดิน ช่วยกันปกป้องอธิปไตย ท่านเชื่อเถอะว่าการสูญเสีย 7 ขา ไม่ใช่ว่าเราไม่มีความรู้สึก ทุกคนโกรธแค้นหมด รู้สึกทั้งหมด” ย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้กดดันเพียงแต่แสดงท่าทีที่ชัดเจน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องนำนโยบายไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม
พลโทอดุลย์ ยังระบุถึง การที่หลายฝ่ายออกมาบอกว่าการไปลงนามในปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทยกัมพูชาเป็นการจัดฉาก และเป็นการละครว่า นี่ก็คือสงครามลูกผสมเป็นสงครามรูปแบบใหม่ ถ้าไปต่อว่ารัฐบาลก็เท่ากับว่าไปเข้าข้างประเทศฝั่งตรงข้าม เพราะการลงนามในปฏิญญาเป็นการลงนามตกลงระหว่างประเทศ ข้อตกลงทั้ง 4 ข้อ ประเทศไทยเป็นคนกำหนดทั้งหมด ย้ำว่าข้อตกลงระดับนี้จะมาจัดฉากเป็นการละครไม่ได้ มีการลงนามโดยนายกรัฐมนตรี และมีพยานอีก 2 ประเทศ ”ไม่ใช่การละคร เราทำตามกติกาทั้งหมด“
ส่วนที่ชาวบ้านตามแนวชายแดนอยากให้จบเรื่องนี้โดยเร็วและปิดเกมกับกัมพูชา พลโทอดุลย์ บอกว่า ”ขอให้ทหารทำงานเถอะครับ“