สื่อกัมพูชาหลายสำนัก พาดหัวข่าวมโนไปเองว่า กองทัพไทยเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชาพรุ่งนี้ (18 พ.ย. 68) ยุ สหรัฐฯ ใช้มาตรการทางภาษีกดดันไทย อ้างไทยละเมิดข้อตกลงเหมือนไม่เห็นผู้นำสหรัฐฯ อยู่ในสายตา
วันนี้ (17 พ.ย. 68) สื่อกัมพูชาหลายสำนัก อาทิ เฟรชนิวส์ เอเชีย และขแมร์ไทม์ส ต่างพากันพาดหัวข่าวอ้างว่า มีแหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่น่าเชื่อถือได้แจ้งเตือนว่า กองทัพไทยเตรียมเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีกัมพูชาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย. 68) โดยมีเป้าหมายคือพื้นที่ 2 จุดในจังหวัดโพธิสัตว์ ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชาต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้สื่อกัมพูชายังคงตอกย้ำเรื่องที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ใช้เรื่องมาตรการภาษีกดดันประเทศไทย ให้หยุดยิงและปฏิบัติตามข้อตกลงในปฏิญญาร่วม ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้ง ๆ ที่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยืนยันแล้วว่า ทั้ง 2 ประเทศสมัครใจปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม โดยไม่ต้องให้สหรัฐฯ ใช้ข้อตกลงทางการค้าเป็นเงื่อนไขในการกดดัน
โดยอ้างว่า จากท่าทีของฝ่ายไทยที่ดูไม่เคารพและไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม โดยการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและยิงพลเรือนกัมพูชาเสียชีวิต เหมือนไม่เห็นผู้นำสหรัฐฯ อยู่ในสายตา ดังนั้นสหรัฐฯ จึงควรดำเนินมาตรการทางภาษีกับไทยอย่างจริงจัง หากฝ่ายไทยละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมโลก รวมถึงท่าทีช่วงหลังของรัฐบาลไทย ที่พยายามกระชับความสัมพันธ์กับจีน ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของไทย ดูไม่น่าไว้วางใจในสายตาผู้นำสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทางกัมพูชาจึงขอให้รัฐบาลไทยยึดมั่นในปฏิญญาร่วม และแก้ไขความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติ มิใช่ตอบสนองเพียงกลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรง โดยมองข้ามผลประโยชน์อื่น ๆ ของประเทศ และเสี่ยงต่อการถูกโดดเดี่ยวทางการทูต