ผลโพลคะแนนนิยมเพิ่ม “อภิสิทธิ์” ขอบคุณ ปชช. เดินหน้าแข่งกับตัวเอง-เวลา สู้สนามเลือกตั้ง ชูนโยบายบ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจต้องดี มั่นใจได้แนวร่วมสู้กับความไม่ถูกต้องใช้เงินฟอกขาวเล่นการเมืองมากขึ้น
วันนี้ (17 พ.ย.68) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลโพลที่พรรค ปชป. มีคะแนนดีขึ้น โดยได้ขอบคุณประชาชน แต่เห็นว่า สิ่งเหล่านี้มีขึ้น-มีลงตลอดเวลา และสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ จะต้องการแข่งขันกับตัวเอง เพราะทราบต้องการให้ประชาชนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กับแนวทางทั้งในแง่การเมือง และสิ่งที่พรรคฯ จะทำให้กับประเทศ ฉะนั้น เรื่องโพลถือเป็นกำลังใจ แต่งานหนักรออยู่ข้างหน้าเยอะมาก เพราะยังต้องแข่งขันกับเวลา เพราะเวลามีจำกัดมาก แต่มีงานที่ต้องทำเยอะมาก ทั้งนโยบาย และตัวผู้สมัคร
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า พรรคฯ ให้ความสำคัญกับการทำให้บ้านเมืองสุจริต และเศรษฐกิจก็ต้องดี เพราะหากไม่สามารถทำให้บ้านเมือง เป็นบ้านเมืองที่สุจริตจริง ๆ ปัญหาอื่น ก็แทบแก้ไขไม่ได้ และจะบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล กับสถาบันการเมือง และจะนำมาสารพัดปัญหาสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ และหากไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทย กลับไปเติบโตได้เหมือนอดีต หรือหากยังโตเพียงร้อยละ 1 หรือร้อยละ 2 ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอื่นได้ เพราะทั้งการหาทรัพยากร มาดูแลผู้สูงอายุ หรือนำมาสร้างระบบสวัสดิการที่จำเป็นและเพียงพอกับประชาชน ดังนั้น จะต้องทำให้บ้านเมืองสุจริต และเศรษฐกิจก็ต้องดี
ส่วนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรวดเร็วนั้น นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องดูตามสถานการณ์ และไม่ใช่เรื่องหลักที่จะเป็นคำตอบให้กับประเทศ ซึ่งในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจถี่มาก และมีทั้งได้ผล และไม่ได้ผล ซึ่งบางช่วงสามารถแก้ไขปัญหาความยากลำบากได้ระดับหนึ่ง แต่หลายคนก็มองว่า เป็นคำตอบเฉพาะในช่วงเวลานี้ ซึ่งหากเศรษฐกิจไม่ได้ดีขึ้นตามที่ได้มีการตั้งเป้าไว้ ไทยก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ และจะมีข้อจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฐานะการคลังจะมีปัญหามากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้ง สส.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาจจะต้องชนกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่มีกระแสข่าวจะดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตนขอไม่พูดเรื่องฐานเสียง แต่สิ่งที่จะตอบโจทย์คนกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะ คือ นโยบายบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนกรุงเทพฯ และอีกส่วนหนึ่งมองว่า คนกรุงเทพฯ จะมองถึงภาพใหญ่ของประเทศด้วย ดังนั้น ตนจึงมองการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้กังวลใด ๆ ซึ่งนายสกลธี ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งพรรคฯ ทราบตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่า เป็นจุดที่ยาก แต่ก็ต้องแข่งขันกันแบบมิตรเต็มที่ แต่พรรคฯ ไม่เล่นฟาวล์อยู่แล้ว
ส่วนหนักใจกับการเมืองสุจริต ซึ่งหลายฝ่ายเกรงจะมีการใช้เงินจากการฟอกขาวเข้ามาใช้ในการเมืองหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตนหนักใจน้อยลงกว่าเดิม เพราะตั้งแต่ตนกลับเข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้เจอผู้คนประชาชน และนักธุรกิจ ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า ไม่ต้องการอยู่แบบนี้อีกแล้ว ซึ่งมั่นใจว่า แนวร่วมของคนที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง จะเพิ่มมากขึ้นมาก