Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 17 พ.ย.68
1.“ฮุน เซน” โผล่ปั่นปลุกกระแสรักชาติ
สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธานพิธีเปิดสมัชชาสงฆ์แห่งชาติ โดยยืนยันว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ไทย แลกกับการสงบศึก ส่วนกรณีที่พลเรือนชาวกัมพูชาเสียชีวิต จากการถูกยิงที่หมู่บ้านเปรยจัน เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า เป็นเจตนายั่วยุจากกองทัพไทย ที่ต้องการให้เกิดการปะทะ แต่รัฐบาลกัมพูชาสั่งไม่ตอบโต้ ไม่ใช่เพราะกลัวทหารไทย แต่เพราะ ไม่ต้องการละเมิดปฏิญญาร่วม ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่กัมพูชาจะโจมตีไทย แต่ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน
ส่วนเรื่องการเปิดด่านชายแดน ไทย-กัมพูชา ขอย้ำว่า ต่อให้ไทยปิดด่านไปอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่เดือดร้อน ไทยเป็นฝ่ายปิดด่านเอง ก็ต้องเปิดด่านเอง กัมพูชาไม่มีทางลดตัวไปขอให้ไทยเปิดด่าน เพราะไทยส่งสินค้ามาขายในกัมพูชา มากกว่ากัมพูชาส่งไปขายที่ไทย ดีเสียอีกที่ชาวกัมพูชาจะหันมาซื้อสินค้าในประเทศมากขึ้น แต่ขออย่าแบนสินค้าของบริษัทจากไทย ที่ผลิตในกัมพูชา
ส่วนทหารกัมพูชา 18 นายที่ถูกฝ่ายไทยควบคุมตัว ถือเป็นวีรชนผู้พลีชีพเพื่อชาติ พวกเขาไม่ใช่เชลยศึก แต่เป็นตัวประกันที่ถูกจับหลังข้อตกลงหยุดยิง และถูกไทยใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรอง เรื่องศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งให้เน่าเสียในดินแดนไทยเป็นข่าวปลอม เพราะทหารกัมพูชาไม่เคยเหยียบเข้าไปในดินแดนไทย ถ้ามีคงเป็นทหารไทยเอง
2.นิวซีแลนด์ปิดโรงเรียนกว่า 70 แห่ง หลังของเล่นปนเปื้อน
โรงเรียนในนิวซีแลนด์กว่า 70 แห่ง วันนี้ ปิดการเรียนการสอน เพื่อทำความสะอาด หลังจากพบแร่ใยหิน ในทรายของเล่นสำหรับเด็ก ซึ่งนิยมนำมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆแพร่หลายในทั่วโลก
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ทรายวิทยาศาสตร์ซึ่งมีสีสันสดใส ถูกคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) ออกประกาศเรียกคืนสินค้าทั่วประเทศทันที หลังจากผลการทดสอบในห้องทดลอง พบร่องรอยของแร่ใยหิน
เนื่องจากแร่ใยหิน เป็นสารต้องห้ามในนิวซีแลนด์ เพราะอาจก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิดเมื่อสูดดมหรือรับประทานเส้นใยของแร่ใยหินเข้าไปในร่างกาย ปรากฎว่า โรงเรียนกว่า 120 แห่งได้สอบถามไปยังรัฐบาล เนื่องจากเกรงว่าผลิตภัณฑ์ทรายวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในโรงเรียนของตน เป็นล็อตเดียวกับที่ถูกเรียกคืน เพราะปนเปื้อนแร่ใยหิน หรือไม่
3.ญี่ปุ่นโวย จีนทำไม่เหมาะสม รณรงค์ห้ามเที่ยวญี่ปุ่น
นาย มิโนรุ คิฮาระ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า การที่เรือของจีนแล่นผ่านน่านน้ำหมู่เกาะเซนกากุที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น (ซึ่งจีนเรียกว่า "เกาะเตียวหยู") “เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” และยิ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศตึงเครียดยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศจีน ออกคำเตือนไม่ให้พลเรือนของตนเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยอ้างว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนตกเป็นเป้าของการทำร้ายร่างกายในช่วงหลัง ๆ ก็ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ทั้งสองประเทศตกลงกันไว้
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นกลับมาตึงเครียด หลังจากนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น กล่าวต่อรัฐสภาว่า การโจมตีประเทศเพื่อนบ้านไต้หวัน ถือเป็นภัยคุกคามการดำรงอยู่ของประเทศญี่ปุ่น จึงอาจตอบโต้ด้วยกำลังทหาร ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างยิ่ง เนื่องจากจีนถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นถอนคำพูดเรื่องไต้หวัน ทำให้วันนี้ (18 พ.ย.68) ญี่ปุ่นต้องส่งนักการทูตไปเจรจากับจีน เพื่อหวังคลี่คลายสถานการณ์
4.ภูเขาไฟปะทุ กระทบหลายสิบเที่ยวบินในญี่ปุ่น
ภูเขาไฟ “ซากุระจิมะ” ในจังหวัดคาโกชิมะของญี่ปุ่น ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เกิดการปะทุหลายครั้งต่อเนื่องตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา จนถึงเช้าวานนี้ (16 พ.ย.68) โดยพ่นควันและเถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 4.4 กิโลเมตร ส่งผลให้เที่ยวบินหลายสิบเที่ยวต้องยกเลิก ถือเป็นการปะทุใหญ่ครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี มีรายงานว่าเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกในสนามบินคาโกชิมะ ประมาณ 30 เที่ยวบินถูกยกเลิก เนื่องจากฝุ่นควันเถ้าถ่านจากภูเขาไฟ เป็นอุปสรรคต่อทัศนวิสัยในการบิน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย และไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ภูเขาไฟซากุระจิมะเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดของญี่ปุ่น และมีการปะทุในระดับที่แตกต่างกันอยู่เป็นประจำ เมื่อปี พ.ศ. 2562 ภูเขาไฟเคยพ่นเถ้าถ่านสูงถึง 5.5 กิโลเมตร และเพิ่งปะทุใหญ่อีกครั้งเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2567
5.ดินโคลนถล่ม ในอินโดฯ ตาย-สูญหายกว่า 30 คน
หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยอินโดนีเซีย แถลงยืนยันว่า เมื่อวันเสาร์ (16 พ.ย.68) ที่ผ่านมา เกิดเหตุดินโคลนถล่ม ในเขตบันจาร์เนการา จังหวัดชวากลาง มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน และสูญหายอีก 27 คน มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายราว 30 หลัง
ก่อนหน้านี้เมื่อเย็นวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุดินโคลนถล่มทับบ้านหลายหลังในเมืองชีลาแคป จังหวัดชวากลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน และสูญหาย 7 คน ขณะที่ปฏิบัติการค้นหายังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ในช่วงฤดูมรสุม ประมาณเดือนตุลาคมถึงมีนาคม มักเกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วมและเกิดเหตุดินโคลนถล่ม ในพื้นที่เสี่ยงที่ลุ่มต่ำและเชิงเขาในอินโดนีเซีย
