“เทพไท” ชี้ “ทักษิณ” ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้ง ขออย่านำมาขยายผลทางการเมือง ลั่น กรรมทำงาน ทำกรรมใดไว้ ก็จะได้รับผลกรรมที่ได้กระทำตามมา
18 พฤศจิกายน 2568 นายเทพไท เสนพงษ์ อดีตสส. ระบุว่า “คดีทักษิณ : กรรมทำงาน หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมา 2 คดี คือ 1.อัยการสูงสุดมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร 2.ศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่นายทักษิณ ชินวัตรเป็นโจทก์ ฟ้องกรมสรรพากร เป็นจำเลย ทำให้นายทักษิณต้องจ่ายภาษี 1.76 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้ อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีการลุ้นผลแห่งคดีว่า จะออกมาเช่นไร เมื่อผลของคดีเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้กองเชียร์ หรือผู้สนับสนุนนายทักษิณ ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นไปต่าง ๆ นานา ว่าเป็นการกลั่นแกล้งนายทักษิณบ้าง นายทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรมบ้าง
จึงขออนุญาตวิเคราะห์ ในรายละเอียดของ 2 คดี ดังนี้ คือ
1.คดีอัยการสูงสุดมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณนั้น นางสาวพินทองทา คุณากรวงศ์ ได้ให้ความเห็นหลังจากเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ด้วยน้ำตาคลอ เสียงสั่นเครือ ว่าเป็นเหตุการณ์กระทบจิตใจครอบครัว นายทักษิณเสียใจและรู้สึกเจ็บช้ำ ส่วนหลังจากนี้เตรียมวางแผนสู้คดี ยอมรับครอบครัวไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องสู้ต่อ
ผมอยากจะอธิบายให้สังคมได้ทราบว่า การยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เรื่องที่นายทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้อัยการสูงสุด มีอำนาจชี้ขาดว่าควรจะอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ ก็เป็นความชอบธรรมในการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาของสังคม ถ้าหากอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ยื่นอุทธรณ์ ก็จะตอบคำถามกับสังคมมากกว่าเสียอีก ส่วนการจะได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
ส่วนที่อดีตนักการเมืองบางคน ออกมาวิเคราะห์ว่า เป็นการกลั่นแกล้งหวังผลทางการเมือง เพื่อไม่ให้นายทักษิณได้รับการพักโทษ ออกมาหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งจะทบต่อสิทธิ์การพักโทษหรือไม่ ก็ให้เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ นายทักษิณไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น การที่อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดีนี้ ถ้าจะส่งผลให้นายทักษิณไม่สามารถพักโทษและไม่สามารถออกมาหาเสียงได้ ก็เป็นความบังเอิญทางกฎหมาย ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือสกัดทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
2.คดีที่ศาลฎีกาพิพากษากลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ ให้ ทักษิณ ชินวัตร แพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป คำตัดสินดังกล่าว ส่งผลให้กรมสรรพากร มีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ รวมเป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาท ก็เป็นการกระบวนการต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคำพิพากษาของศาลฎีกาถือเป็นข้อยุติ และเป็นที่สุดแห่งคดี
การที่มีผู้สนับสนุนและมวลชนของนายทักษิณกลุ่มหนึ่ง พยานเคลื่อนไหวว่า นายทักษิณ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ในช่วงสถานการณ์กำลังจะเลือกตั้งนั้น เป็นการมโนและจินตนาการไปเอง เพื่อต้องการนำประเด็นเหล่านี้ไปเป็นประเด็นหาเสียง เรียกคะแนนสงสารจากมวลชนมากกว่า ทั้งที่เป็นเรื่องของคดีความในกระบวนการยุติธรรมตามปกติ และเป็นไปตามหลักของพุทธศาสนา “กัมมุนา วัตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” เมื่อนายทักษิณได้ทำกรรมใดไว้ ก็จะได้รับผลกรรมที่ได้กระทำตามมา
จึงขออย่าได้นำประเด็นเหล่านี้ มาขยายผลทางการเมืองอีกเลย เพราะการที่นายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย ก็กราบบังคมทูลยอมรับผิดในผลการกระทำ และยอมรับในกระบวนการยุติธรรมแล้ว มวลชนผู้สนับสนุน ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของนายทักษิณด้วย”