เช้านี้ที่หมอชิต - หลังจากศาลฎีกาพิพากษากลับ คดีเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากการขายหุ้นชินคอร์ป ทำให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ต้องจ่ายภาษี 17,600 ล้านบาท
เริ่มกระบวนการเก็บภาษีย้อนหลัง ทักษิณ
เมื่อวานนี้ รองนายกฯ เอกนิติ สั่งกรมสรรพากร ดูรายละเอียดคำพิพากษาเพื่อเดินหน้ากระบวนการทันที
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า หลังศาลฎีกามีคำสั่งให้เรียกเก็บภาษี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วงเงิน 17,600 ล้านบาท จากคดีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน)
กรมสรรพากรจะไปดูในรายละเอียดคำพิพากษา ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ถือเป็นเคสปกติ ทุกหน่วยงานของกระทรวงการคลัง ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาอย่างเคร่งครัด
ด้าน นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง บอกว่า กรมสรรพากรมีขั้นตอนการเรียกเก็บภาษี เริ่มจากอัยการสูงสุด ทำหน้าที่สืบทรัพย์ว่าอยู่แหล่งใดบ้าง และเข้าสู่การดำเนินการของกรมบังคับคดี จากนั้นจึงถึงขั้นตอนของกรมสรรพากร
หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการเรียกเก็บภาษีจากหลายหน่วยงาน เพื่อวางกรอบเวลาทำงาน หากทรัพย์สินอยู่ในต่างประเทศ จะต้องสืบทรัพย์โดยอัยการสูงสุด
อีกประเด็นร้อนเกี่ยวกับนายทักษิณ คือ การขอพระราชทานอภัยโทษ โดยเมื่อวาน (18 พ.ย.) นายกฯ อนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า หนังสือขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ อยู่ในขั้นตอนใด
ก็เป็นคำตอบของนายกฯ อนุทิน ที่บอกว่า จำไม่ได้ว่ารัฐบาลส่งรายชื่อไปแล้วหรือไม่ เพราะมีเอกสารจำนวนมาก
ส่วนการบังคับคดีภาษีขายหุ้นชินคอร์ปนั้น นายกฯ อนุทิน บอกว่า ยังไม่ได้รับรายงาน เพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แต่ทราบเพียงรายละเอียดจากข่าวเท่านั้น
อีกประเด็นร้อนของอดีตนายกฯ ทักษิณ คือกระแสข่าวอัยการสูงสุด ยื่นอุทธรณ์คดีหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถขอพักโทษในคดีชั้น 14 ได้
ไขข้อข้องใจ ทักษิณ พักโทษได้หรือไม่ ?
เมื่อวาน (18 พ.ย.) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา บอกว่า แม้มีการอุทธรณ์คดี 112 ก็น่าจะไม่ถูกตัดสิทธิการพักโทษ เพราะการยื่นอุทธรณ์ไม่ใช่คำพิพากษาของศาล และยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดี จึงน่าจะขอพักโทษได้
อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์ บอกว่า รายละเอียดที่ชัดเจน คงต้องไปดูอีกทีว่าจะขอพักได้หรือไม่ได้ แต่ยืนยันว่าการขอพักโทษได้ ต้องรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้ว 6 เดือน ซึ่งเป็นไปตามหลัก
