เตือนภัย ! คนเร่ร่อนฉุดหญิงเข้าห้องน้ำ หวังก่อเหตุไม่ดี ไม่ชัดต้องการชิงทรัพย์ หรือ ข่มขืน

เตือนภัย ! คนเร่ร่อนฉุดหญิงเข้าห้องน้ำ หวังก่อเหตุไม่ดี ไม่ชัดต้องการชิงทรัพย์ หรือ ข่มขืน โชคดี หญิงสาวหนีรอดมาได้ ขณะที่  ตำรวจและชาวบ้านรวบตัวทันควัน

19 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้นำคลิปภาพมาเตือนภัยสังคม โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง เพราะเป็นภัยใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้แม้จะอยู่ในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่านก็ตาม เป็นภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “นพคุณ ศังขจันทรานนท์” ที่ได้โพสต์คลิปภาพลงในโลกโซเชียลเพื่อเตือนภัย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ที่ สวนร้อยปีปักธงชัย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เป็นเหตุชายเร่ร่อนรายหนึ่ง สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขายาวสีเทา รูปร่างสันทัด ไว้หนวดเครา ได้เดินตามแม่ค้าสาวที่มาขายของอยู่ในตลาดข้างๆ ที่ทำการไปรษณีย์ฯ ที่อยู่ตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ตั้งอยู่ภายในสวนร้อยปีปักธงชัย 

โดยชายที่ก่อเหตุ ได้อาศัยจังหวะที่แม่ค้าสาวเผลอ ไม่ทันระวังตัว และบริเวณห้องน้ำไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ฉุดตัวแม่ค้าสาวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แต่แม่ค้าสาวพยายามดิ้นหนีสุดชีวิต จนสามารถหนีรอดออกมาได้ และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งบริเวณใกล้ๆ มีเจ้าหน้าที่เทศกิจฯ อยู่ จึงรีบเข้ามาให้ความช่วยเหลือ และจับกุมตัวชายที่ก่อเหตุไว้ได้ทันควัน ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปักธงชัย ให้มาตรวจสอบ

โดยสามีของแม่ค้าที่ประสบเหตุ บอกว่า “เห็นชายคนนี้นั่งอยู่ที่บริเวณศาลา ภายในสวนร้อยปีปักธงชัย พอเห็นเมียของตนเดินเข้าห้องน้ำ ชายคนนี้ก็เดินตาม แล้วฉุดดึงเมียเข้าไปในห้องน้ำ คาดว่า หวังจะข่มขืนหรือก่อเหตุชิงทรัพย์ โชคดีที่เมียดิ้นหนีออกมาได้และเรียกขอความช่วยเหลือ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบ พบว่า ชายที่ก่อเหตุมีสัมภาระติดตัว เป็นกระเป๋าเป้สีขาว มีเสื้อผ้า กล่องข้าว กล่องอาหารอยู่ภายใน สอบถามชื่อที่อยู่แต่พูดจาไม่รู้เรื่อง คาดว่า น่าจะเป็นคนเร่ร่อน มาหลบอาศัยอยู่ในสวนสาธารณะ  จึงได้ควบคุมตัวนำไปสอบสวนที่โรงพัก และดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ซึ่งผู้โพสต์อยากแจ้งเตือนภัยพี่น้องประชาชน ว่า เวลาจะไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ หรือเดินเล่น พักผ่อน ออกกำลังกายในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ลับตาคน ไม่มีไฟส่องสว่าง ขอให้เพิ่มความระมัดระวังป้องกันตนเอง คนในครอบครัว และบุตรหลานไว้ด้วย อย่าไปเพียงลำพัง เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก ซึ่งถ้าผู้ประสบเหตุเป็นเด็ก หรือไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ คนร้ายก็อาจลงมือก่อเหตุได้สำเร็จ  ถือเป็นภัยใกล้ตัวที่จะประมาทไม่ได้จริงๆ