ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากเหตุการณ์ที่มีหญิงคนหนึ่ง ไปช่วยเหลือนักโทษที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลฯ ในกัมพูชาหลบหนี แน่นอนทั่วโลกสนับสนุนเรื่องกระบวนการยุติธรรม แต่ที่ไม่สนับสนุนคือการกระทำที่ป่าเถื่อน และคุกคามสิทธิของผู้ต้องหา
เมื่อวาน เรานำเสนอข่าวเรื่องความอุกอาจของการชิงตัวนักโทษ ที่มีหญิงคนหนึ่ง อำพรางตัวเอาปืนไปมอบให้กับ 1 ในกลุ่มนักโทษ ที่กำลังจะไปขึ้นศาลจังหวัดสวายเรียง ประเทศกัมพูชา ก่อนที่กลุ่มนักโทษ และคนที่ช่วยเหลือรวม 7 คน จะพากันหลบหนี แล้วก็มีข่าวการติดตามจับกุมออกมา ระบุว่า ผู้ต้องขังที่หลบหนีเป็นชาวเวียดนาม จากนั้นก็ทยอยจับกุมได้ 1 คน หลังรถได้เกิดตกคูน้ำข้างทาง
ซึ่งจุดนี้จริง ๆ ก็มีข้อมูลขัดแย้งกันอยู่ มีข้อมูลจากเพจฯ เฟซบุ๊กของไทย ระบุว่าตำรวจที่ไปมีอย่างน้อย 3 หน่วยงาน ซึ่งพอไปถึงกลับเกิดการโต้เถียงกัน ว่าทำไมไม่แจ้งให้หน่วยอื่นทราบด้วย จะเอาผลงานเฉพาะหน่วยอย่างนั้นหรือ แต่ขณะเดียวกันก็อีกกระแสข่าว ที่ระบุว่า จริง ๆ แล้วเป็นการห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าว ถ่าย หรือบันทึกภาพระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
เวลาผ่านไป ตำรวจกัมพูชา ก็สามารถตามจับผู้ต้องหาที่เหลือได้ครบทั้งหมด ก็มีการยืนยันผลการจับกุมคล้าย ๆ กับบ้านเรา แต่ที่กลายเป็นปัญหาขึ้นมา ก็เพราะมีคลิป ๆ หนึ่ง ระหว่างการควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นท้ายรถกระบะ แล้วปรากฏมีมือใครไม่รู้ ไปบีบแก้มผู้ต้องหาหญิง
ซึ่งคลิปนี้เองที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าการกระทำแบบนี้ เป็นการลิดรอนสิทธิของผู้ต้องหามีทั้งการบีบบังคับให้ต้องถ่ายภาพ ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม และการไปจับแก้มแบบนั้น ก็เข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ จนร้อนถึงชาวโซเชียลฯ ในกัมพูชา ที่เห็นข่าวนี้แล้วไม่สบายใจ พยายามส่งข่าวบอกกับคนอื่น ๆ ให้ช่วยลบคลิปวิดีโอนี้ด้วย เพราะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
ขณะที่ สำนักงานขแมร์ไทม์ (Khmer Times) สรุปประเด็นการคุกคามทางเพศผู้ต้องหาหญิง ว่าทั้งการใช้คำพูดไม่เหมาะสมเกี่ยวกับรูปร่างของผู้หญิง และมือที่ไปบีบแก้มผู้ต้องหาหญิง คือ นายข่าน สารัตถ์ (Khan Sarath) เป็นนักข่าวออนไลน์ ที่อาศัย และทำงานในจังหวัดสวายเรียง ไม่ใช่ตำรวจ การกระทำนี้ถือว่า ไร้จริยธรรม และเป็นการละเมิดกฎบัตรวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างร้ายแรง
"กระทรวงสารสนเทศ" ของกัมพูชา จึงสั่งเพิกถอน "บัตรประจำตัวนักข่าว" ของ นายข่าน พร้อมกับขึ้นบัญชีดำจากรายชื่อธุรกิจ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสารสนเทศ รวมถึงจะเรียกตัวเข้าพบ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย