เปิดปฎิบัติการ “Hybrid Scam ลวงรักชายวัยเกษียณ หลอกลงทุน” ความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท พบว่าอดีตคณบดี มหาวิทยาลัยชื่อดัง หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโอนเงิน
วันนี้ ( 21 พ.ย.68 ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 12 คน เป็นชาวไทย 11 คน และชาวลาว 1 คน ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง ,ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”
สืบเนื่องมาจาก กก.2 บก.ปอท. ได้รับการร้องขอให้ช่วยตรวจสอบ กรณีพบว่า อดีตคณบดี มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง มีการพูดคุยกับหญิงสาวหน้าตาดี ที่รู้จักกันผ่านโซเชียลมีเดีย และมีพฤติกรรมใช้จ่ายเงินมากผิดปกติ โดยอ้างว่านำไปลงทุน ซึ่งคนรอบข้างได้พยายามเตือน และทักท้วง แต่อดีตคณบดีไม่เชื่อ ยังคงพูดคุยกับหญิงสาวคนดังกล่าว โอนเงินไปลงทุนต่อ ซึ่งตำรวจได้ทำการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นโพรไฟล์ที่มีการไปคัดลอกรูปภาพของบุคคลอื่น แล้วนำไปสร้างโพรไฟล์ปลอมขึ้นมา จึงได้ติดต่อไปยังบุคคลที่โดนนำรูปภาพไปแอบอ้าง แต่บุคคลดังกล่าวกลับเข้าใจว่าตำรวจเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไม่ยอมพูดคุย
กระทั่งเดือนกันยายน 2568 ผู้เสียหายเล่นโซเชียล พบTikTok ชื่อ “พลอยใส่ พุทธเลิศ” เป็นหญิงไทยหน้าตาดี มีการโพสต์เนื้อหา สื่อถึงความเป็นโสด ความเหงา และต้องการหาคนพูดคุย และใช้ถ้อยคำดึงดูดความสนใจ เพื่อสร้างความเชื่อถือ ผู้เสียหายเกิดความสนใจ จึงมีการพูดคุยและเปลี่ยนมาติดต่อกันผ่านช่องทางไลน์ นานกว่า 1 เดือน คนร้ายได้ชักชวนให้ร่วมลงทุนหุ้นทองคำ โดยได้ขอข้อมูลส่วนตัวผู้เสียหาย และให้ผู้เสียหายตั้งรหัสผ่านให้ โดยอ้างว่าจะนำไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินร่วมลงทุนรวม 10 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท แม้คนรอบข้างจะห้ามปราม แต่ผู้เสียหายไม่ฟัง จึงได้ร้องเรียนมายัง กก.2 บก.ปอท.
ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานขอออกหมายจับผู้ต้องหา 23 คน เป็นคน 18 คน และ คนลาว 5 คน แบ่งเป็นกลุ่มเจ้าของบัญชีม้าและทำหน้าที่เบิกถอนเงินสด 15 คน ,กลุ่มทำหน้าที่รวบรวมเงินสด 3 คน ,กลุ่มฟอกเงิน 5 คน และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มผู้ต้องนี้มีความเกี่ยวข้องกับอีก 13 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท
จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการปราบปราม “Hybrid Scam ลวงรักชายวัยเกษียณหลอกลงทุน ปิดล้อมตรวจค้น 12 จุด ในพื้นที่ กทม., นนทบุรี, นครสวรรค์ และเชียงราย จับกุมผู้ต้องหาได้ 12 คน พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่าง ๆ ได้หลายรายการ โดยพบว่า ภายในระยะเวลา 3 เดือน มีเงินหมุนเวียนรวมกันเกือบ 20 ล้านบาท สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น
สอบสวนผู้ต้องหาชาวลาว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับว่า ได้รับงานเบิกถอนเงินสดมากลุ่มชาวลาว ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว จากนั้นจะหาบัญชีธนาคารมาเพื่อรับเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อ โดยได้รวบรวมกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ในพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ และพื้นที่ใกล้เคียง มาเพื่อเป็นบัญชีม้า และเบิกถอนเงินสด โดยเงินสดที่เบิกถอนมา จะนำไปฝากบัญชีธนาคารต่าง ๆ ตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์สั่งการ ได้ค่าจ้าง 10% ของจำนวนเงินที่เบิกถอน โดยทำมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2568 เช่นเดียวกับผู้ต้องหา คนอื่น ๆ ที่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
