เสียชีวิตขณะหลับในคนอายุน้อย-สุขภาพแข็งแรง หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรงอย่างฉับพลัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่าง ๆ ไม่พอ บางสาเหตุไม่มีอาการนำมาก่อน ทำให้ตรวจไม่เจอ
นักข่าวหนุ่มเสียชีวิตกะทันหัน วันนี้ (30 พ.ย.68) นพ วิพัชร พันธวิมล อายุรแพทย์โรคหัวใจ อนุสาขาสรีระไฟฟ้าหัวใจ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมให้ความรู้ทั่วไปกับประชาชนผ่านเพจ CardioClinic WP ถึงการเสียชีวิตขณะหลับในคนอายุน้อยและสุขภาพแข็งแรง คือ นอนไปแล้วมาพบอีกทีตอนเช้าเสียชีวิต หากไม่ได้เกิดจากการฆาตรกรรม จะต้องเกิดจากหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรงอย่างฉับพลัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่าง ๆ ไม่พอ และเกิดในขณะที่นอนหลับอยู่ อธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้เกิดจากไสยศาสตร์แต่อย่างใด
สาเหตุที่ทำให้เกิดหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรงอย่างฉับพลันในคนอายุน้อยและสุขภาพแข็งแรง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1.ตรวจพบสาเหตุที่ชัดเจน ได้แก่
(1) หลอดเลือดหัวใจตีบฉับพลัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน เกิดการลัดวงจรไฟฟ้าหัวใจที่รุนแรง ผู้ป่วยมักจะมีอาการเจ็บหน้าอกแต่บางครั้งอาจเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรงทันที ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันหรือไม่ตื่นเลย
(2) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ การอักเสบของเนื่อเยื่อหัวใจบางชนิดชักนำให้เกิดหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรงได้ (3) โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติแต่กำเนิด ทำให้มีพังผืดเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจที่หนาชักนำให้เกิดหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรงได้เช่นกัน
2. ตรวจไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน เรียกว่า SUNDS ย่อมาจาก Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome เกิดจาก
(1) โรคพันธุกรรมไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด โรคที่มักจะเกิดการลัดวงจรไฟฟ้าหัวใจขณะหลับคือ J wave syndrome (BrS, ERS) และ LQTS บางชนิด
(2) ภาวะโพแทสเซียมต่ำอย่างรุนแรงในเลือด
(3) โรคปอดและการหายใจผิดปกติบางชนิด
(4) ภาวะการนอนหลับผิดปกติบางชนิด
(5) สารเคมีในเลือดบางชนิดสูงผิดปกติทำให้เกิดการหดเกร็งตีบแคบของหลอดเลือดหัวใจฉับพลัน
การตรวจคัดกรองสาเหตุต่าง ๆ ข้างต้นทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น สาเหตุบางอย่างไม่มีอาการนำมาก่อน การตรวจร่างกายหรือสืบค้นทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ทดสอบหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน อัลตราซาวด์หัวใจ ตรวจหัวใจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หลอดเลือดหัวใจ หรือ ฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ สามารถที่จะให้ผลปกติได้หมดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การขอความช่วยเหลือจากทีมกู้ชีพที่เร็วทีสุด Early CPR และการใช้ AED ในสถานที่เกิดเหตุ แต่หากเหตุการณ์เกิดในขณะหลับจะยิ่งยากขึ้นไปอีก