ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน-ดินถล่ม ในประเทศอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นเป็น 442 คน และมีผู้สูญหายอีกประมาณ 400 คน นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าชาวบ้านบุกเข้าปล้นร้านค้าเพื่อหาอาหาร
วันนี้ (1 ธ.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ใน 3 จังหวัดในภูมิภาคสุมาตรา ประกอบด้วย จังหวัดสุมาตราเหนือ, จังหวัดสุมาตราตะวันตก และจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ได้เพิ่มขึ้นเป็น 442 คนแล้ว และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณ 400 คน
ทาง “ซูฮาร์ ยานโต” ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย (BNPB) แถลงย้ำว่าต้องเร่งปฏิบัติการให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่ประสบภัยเริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งสำนักงานฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับภารกิจเร่งด่วน 3 ประการ ได้แก่ การปฏิบัติการค้นหาและกู้ชีพผู้สูญหาย การฟื้นฟูระบบการสื่อสารที่ถูกตัดขาด และการเร่งจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์และเสบียงอาหารไปให้ผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็ว
ขณะที่หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของอินโดนีเซีย กล่าวว่า สภาพอากาศเลวร้ายเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการกู้ภัย และแม้ว่าจะมีประชาชนหลายหมื่นคนได้อพยพออกไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีผู้ติดค้างอยู่อีกหลายร้อยคน
ด้านชาวบ้านในจังหวัดอาเจะห์ เล่าว่า กระแสน้ำเชี่ยวมาก ภายในไม่กี่วินาทีก็พัดเข้าสู่ท้องถนนและเข้าไปในบ้านเรือน ตนและคุณยายรีบวิ่งไปที่บ้านญาติที่อยู่สูงกว่า และได้กลับมาในวันรุ่งขึ้นเพื่อเก็บข้าวของ ก็พบว่าบ้านจมน้ำไปจนหมดแล้ว
ขณะที่เมืองตาปานูลี มีรายงานว่าชาวบ้านได้บุกเข้าปล้นร้านค้าเพื่อหาอาหารประทังชีวิต ในขณะที่รัฐบาลกลางของอินโดนีเซียกำลังถูกกดดันอย่างหนักให้ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติแห่งชาติบนเกาะสุมาตรา เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีการประสานงานกันมากขึ้น
ทั้งนี้ เหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มครั้งนี้ เป็นอิทธิพลมาจาก พายุไซโคลน “เซนยาร์” ซึ่งเป็นพายุโซนร้อนที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในภูมิภาคแถบนี้ ทำให้มรสุมในอินโดนีเซียรุนแรงขึ้น