ศูนย์อนุรักษ์ช้างเขาใหญ่รับมอบ “พังแสนดาว” ช้างอายุ 53 ปี เข้าสู่ระบบธนาคารช้างตระกูลแสน เดินหน้าต้นแบบการดูแลช้างสูงวัยอย่างเป็นระบบ
วันนี้ (1 ธ.ค.68) พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน หรือ พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งมอบช้างตระกูลแสนเพศเมีย “พังแสนดาว” ให้กับ ศูนย์อนุรักษ์ช้างเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเข้ารับการดูแลภายใต้ระบบการอนุรักษ์และฟื้นฟูช้างสูงวัยอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
พระครูอ๊อดเปิดเผยว่า จากรายงานในตั๋วรูปพรรณช้างพบว่าพังแสนดาวมีอายุราว 53 ปี อยู่ในช่วงเริ่มต้นของช้างสูงวัย จำเป็นต้องได้รับการดูแลด้านโภชนาการ สุขภาพ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลด้านจิตใจอย่างใกล้ชิด การส่งมอบครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ช้างเชือกนี้ได้ทำหน้าที่ “ครูช้าง” ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านพฤติกรรมช้างและการดูแลช้างชราแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนที่เดินทางมาเรียนรู้ ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างเขาใหญ่ พร้อมทั้งได้รับการติดตามสุขภาพจากทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่โครงการธนาคารช้างตระกูลแสนอย่างต่อเนื่อง
พังแสนดาวเป็นช้างเชือกที่ 23 ในกลุ่ม “ช้างตระกูลแสน” ซึ่งได้รับการไถ่ชีวิตจากการนำไปใช้งานหนัก ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและถูกดูแลฟื้นฟูสุขภาพที่บ้านช้างตระกูลแสน (แสนธรรมาราม) อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ จนมีสภาพร่างกายและพฤติกรรมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์อนุรักษ์ช้างเขาใหญ่ก่อตั้งขึ้นจากองค์ความรู้ด้านวิจัยช้างไทยภายใต้การสนับสนุนของกองทุนวิจัยและอนุรักษ์ช้างไทย มูลนิธิพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมี ดร.อลงกต ชูแก้ว เป็นผู้ผลักดันสำคัญ เพื่อสร้างฐานการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมของชุมชน และการปลูกจิตสำนึกแก่เยาวชน ภายในศูนย์ฯ มีพื้นที่เรียนรู้นิเวศวิทยาช้างไทยเเละ“โรงเรียนช้าง” ที่จัดแสดงเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษากายวิภาคอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ศูนย์ยังสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือสัตว์ใหญ่ในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยบุคลากรและอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบครัน
การส่งมอบพังแสนดาวในครั้งนี้ถือเป็น ต้นแบบของการสร้างการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเขาใหญ่ ธนาคารช้างตระกูลแสน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิภาพช้างไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยช้างทุกเชือกในโครงการ รวมถึงพังแสนดาว ยังคงอยู่ภายใต้ กรรมสิทธิ์ของธนาคารช้างตระกูลแสน และจะมีทีมเจ้าหน้าที่ติดตามสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ของช้างอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสังคมแห่งการอนุรักษ์ที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมเดินหน้าส่งต่อองค์ความรู้สู่คนรุ่นต่อไป