ผัวติดยาบ้า สังหารเมียต่อหน้าลูกเขย อ้าง 16 ปีแห่งความแค้น ด้านลูกสาวโต้ แม่ให้อภัยนับครั้งไม่ถ้วน จ.นครพนม
วานนี้ (2 ธ.ค. 68) ร.ต.อ.ยุทธพงษ์ สุราษา รองสารวัตรสอบสวน สภ.บ้านแพง จ.นครพนม ได้นำตัวนายธราดล อายุ 51 ปี มาสอบปากคำ หลังตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนสั้นขนาด .38 จ่อยิงนางศศิธร อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นภรรยาที่บริเวณแขนซ้าย กระสุนทะลุเข้าชายโครงฝังในปอด และไปเสียชีวิตที่ รพ.บ้านแพง โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา
โดยนายธราดล ได้ให้การว่ ารักใคร่ชอบพอกับนางศศิธร มาตั้งแต่อายุ 18 ปี ขณะนั้นภรรยายังเรียนอยู่ที่ จ.สกลนคร เริ่มมีเรื่องระหองระแหงมาตั้งแต่ปี 2552 กรณีภรรยานำสวนยางพาราสวนแรกที่ตนปลูกเมื่อปี 2547 จำนวน 29 ไร่ โดยมียางพันกว่าต้น ในราคา 1,200,000 บาท ซึ่งในขณะนั้นราคายางอยู่ที่กิโลกรัมละ 80-90 บาท จึงเก็บความคับแค้นใจไว้ในอกจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาทราบว่า ภรรยาได้กู้เงินสหกรณ์มาซื้อรถเก๋งมือสอง ตนจึงไปขอเงิน 2,000 บาท เพื่อไปสนามไก่ชน ภรรยาบอกจะโอนให้แต่ก็ไม่โอน พอโทรไปถามก็ถูกด่าเสีย ๆ หาย ๆ วันเกิดเหตุจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปหาภรรยาที่บ้านลูกเขย ลูกสาว ซึ่งห่างจากบ้านที่ตนอยู่ประมาณ 5 กิโลเมตร ก็บอกกับลูกสาวให้ไปขอเงินแม่ให้พ่อหน่อย 1 หมื่นบาท แต่ลูกสาวไม่สนใจจังหวะนั้นลูกเขยมาพอดี และเดินเข้าไปหาภรรยาตนที่อยู่ในห้อง ตนจึงเดินตามไปและเรียกออกมาคุยกัน แต่ภรรยาไม่ยอมคุยด้วย โดยยืนหลบข้างหลังลูกเขยและไม่ยอมให้เงิน จึงบันดาลโทสะชักปืนที่เอวยิงใส่เมีย 1 นัด แล้วก็กลับไปนั่งกินข้าวที่บ้านพี่สาว ตั้งใจว่ากินข้าวอิ่มแล้วจะไปมอบตัวกับตำรวจ มันเป็นความแค้นสะสมมาถึง 16 ปี ยอมรับว่ารักเขามาก แม้แต่ก้มกราบเท้าก็ทำมาแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากไปกราบศพขอขมา ให้หมดเวรหมดกรรมกันเสียที
สำหรับพฤติการณ์ของคดี เกิดขึ้นวันที่ 1 ธ.ค. 68 เวลาประมาณ 18.30 น. พ.ต.อ.จีรุฏฐ์ พิมพา ผกก.สภ.บ้านแพง จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บ้านแพง ว่ามีเหตุใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่ หมู่ที่ 14 บ้านนาพระชัย ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงเดินทางออกไปตรวจที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 วางอยู่บริเวณหน้าบ้านเกิดเหตุจำนวน 1 ปลอก และทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บคือนางศศิธร ซึ่งเป็นครูศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ถูกส่งรักษาบาดแผลอยู่ที่ รพ.บ้านแพง และได้เสียชีวิตแล้วเนื่องจากหัวกระสุนฝังในปอด
จากการซักถามพยานในที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายธราดล สามีของผู้เสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุนายเมได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านลูกเขย และหลังจากก่อเหตุเสร็จก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปพร้อมอาวุธปืน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามหาตัวนายเม จนทราบว่ามาอยู่ที่บ้านพี่สาวจึงเข้าควบคุมตัว ตรวจค้นใต้เบาะรถจักรยานยนต์มีอาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการซักถามเบื้องต้นถึงมูลเหตุจูงใจนายธราดล อ้างว่าต้องการเงินจากภรรยา 1 หมื่นบาท โดยตลอดเวลาเมียยืนหลบอยู่หลังลูกเขยตลอดเวลา และได้ถอยหลังจนสะดุดล้มลง จึงได้ชักอาวุธปืนที่พกอยู่บริเวณเอว อ้อมตัวลูกเขยลั่นไกยิงนางศศิธร 1 นัด จากนั้นได้หยิบกระสุนปืนที่ตนพกมาด้วยอีก 1 นัด บรรจุเข้ารังเพลิงเพื่อที่จะยิงซ้ำ แต่นางศศิธร ได้คลานหลบหนีเข้าไปในบ้าน จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอยู่บ้านพี่สาว ก่อนจะถูกจับกุม และขอตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ผลเป็นสีม่วง ซึ่งนายธราดล ยอมรับว่า เพิ่งเสพยาบ้าก่อนจะมาสังหารภรรยา
โดยจากการตรวจสอบประวัติคดีอาญา พบว่านายธราดล เคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) และข้อหามีอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้รับอนุญาต ทั้งสองคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2567
ขณะที่ลูกสาวของผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหา เผยว่ามีความจริงเพียงบางส่วน ทุกอย่างเพราะพ่อเป็นคนก่อเอง แม่ให้อภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า พ่อทั้งเสพยาเสพติดถูกจับไปบำบัดนับครั้งไม่ถ้วน ล่าสุดเพิ่งออกจากสถานบำบัดได้เพียง 3 วันก็หวนกลับไปเสพยาบ้าอีก ทุกวันนี้พ่อไม่ได้ทำอะไร มีแต่มาขอเงินจากแม่ โดยพ่อจะพกปืนตลอดเวลา พร้อมข่มขู่จะฆ่าแม่ตลอด จนแม่ไม่กล้านอนบ้าน ต้องมาอาศัยอยู่บ้านลูก ขณะที่ลูกเขย เผยทั้งน้ำตาว่า จะหาคนที่ดีเท่าแม่ยายคนนี้ไม่มีแล้ว คิดอยู่สักวันต้องเกิดเหตุการณ์นี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหานายธราดล ว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน และเสพยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป