Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 3 ธ.ค. 68
1.กัมพูชา ปฏิเสธ วางทุ่นระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย
จากกรณีที่ทางกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า วานนี้ (2 ธ.ค.68) เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ได้ยินเสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย บริเวณเส้นทางยุทธวิธีสร้างใหม่ เป็นจุดกลับรถหน้าฐานปฏิบัติการ จากเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 1 ลูก ซึ่งได้เกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางไว้ ในแนวทุ่นระเบิดเดิมที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ เพื่อชะลอหรือป้องกันการรุกไล่ติดตามของฝ่ายเรา ในห้วงที่พื้นที่ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่ฝ่ายเราจะเข้าควบคุมพื้นที่ได้ในเวลาต่อมา
ล่าสุด ทางพลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้ออกมาแถลงตอบโต้กองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า ฝ่ายไทยกล่าวหากัมพูชาว่า เป็นผู้วางทุ่นระเบิดในพื้นที่ห้วยตะมาเรีย ซึ่งกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง ซึ่งไทยมีเป้าหมายที่จะหลอกลวงประชาคมระหว่างประเทศ และปกปิดความพยายามที่ผิดกฎหมายในการรุกล้ำดินแดนอธิปไตยอันชอบธรรมของกัมพูชา
นอกจากนี้ ทางกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้รับข้อมูลจากกองทัพกัมพูชาภาคที่ 4 แล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันมาแล้วว่า เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.68) เวลา 14.20 น. ไม่ได้ยินเสียงระเบิดจากระเบิดใด ๆ เลย ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของกองทัพภาคที่ 2 ของไทย
2.ชายอินโดฯ สิ้นหวังภรรยาสูญหายจากน้ำท่วมใหญ่ คร่ากว่า 750 ชีวิต
ทางสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BNPB) รายงานว่า นับจนถึงวันนี้ (3 ธ.ค.) ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่มใน 3 จังหวัด บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 753 คน และมีผู้สูญหายอีก 650 คน ส่วนภารกิจค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินไปอย่างเต็มกำลังในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
ทางชายชาวอินโดนีเซีย อายุ 57 ปี คนหนึ่งบนเกาะสุมาตรา กำลังเผชิญกับความหวังที่ริบหรี่ลงเรื่อย ๆ ขณะถือรูปภรรยาที่สูญหายไปจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่ม โดยเขาคอยถามคนที่ผ่านไป-มา รวมทั้งทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยในจุดที่กำลังมีปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย เป็นภาพที่สะเทือนใจแก่ผู้พบเห็น ชายคนนี้ยังเปิดเผยว่า เขารู้ดีว่าภรรยาของตนอาจไม่รอดชีวิต แต่อย่างน้อยเขาก็หวังจะหาศพภรรยาให้พบ
ขณะเดียวกัน แม้ว่าระดับจะลดลงแล้วแต่ก็ยังมีผลกระทบต่อเนื่อง ปั๊มน้ำมันบางแห่งมีรถยนต์ต่อคิวเติมน้ำมันจนทำให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย
3.ผู้นำเกาหลีใต้ชม "ทรัมป์" หวังฟื้นฟูช่องทางสื่อสารกับเกาหลีเหนือ
ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง (Lee Jae Myung) ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า หลังการพูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระหว่างการพบปะกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นเรื่อง "น่าสนใจและเพลิดเพลิน" และยังคงมีคาดหวังว่าผู้นำสหรัฐฯ จะสามารถโน้มน้าวเกาหลีเหนือให้กลับมาเจรจากันอีกครั้งได้ นอกจากนี้ ผู้นำเกาหลีใต้ยังพูดถึงประธานาธิบดีทรัมป์ว่าเป็นผู้ที่มองโลกตามความเป็นจริง เป็นนักปฏิบัตินิยม และเชี่ยวชาญด้านการทำข้อตกลงผู้ซึ่งเคารพอีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวในระหว่างพิธีสาบานตนของสภาที่ปรึกษาเพื่อการรวมชาติอย่างสันติครั้งที่ 22 ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นการรวมชาติ โดยเน้นย้ำว่าการฟื้นฟูการเจรจาระหว่างสองเกาหลี จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทวิภาคีในรูปแบบการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และย้ำด้วยว่ารัฐบาลจะเดินหน้ายุติสถานะสงครามในคาบสมุทรเกาหลี มุ่งสร้างคาบสมุทรปลอดนิวเคลียร์ และสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะยุติความเป็นศัตรูและการเผชิญหน้าระหว่างสองเกาหลี
4.เที่ยวบินระหว่างจีน-ญี่ปุ่น ลดฮวบ จากความสัมพันธ์ร้าวฉาน
สำนักข่าว "ซีซีทีวี" (CCTV) ของจีน รายงานว่า เที่ยวบินที่มีกำหนดการเดินทางจากจีนไปญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมถูกยกเลิกไปแล้วประมาณ 40% คิดเป็นมากกว่า 1,900 เที่ยวบิน โดยนับหลังจากวันที่ 15 พฤศจิกายน ผู้โดยสารที่มุ่งหน้าไปยังญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก เช่นในวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารลดลงประมาณ 23% เมื่อเทียบกับ 10 วันก่อนหน้า
ขณะที่ ประธาน "คันไซแอร์พอร์ต" (Kansai Airports) ซึ่งดูแลสนามบินนานาชาติคันไซ, สนามบินโอซากะ (อิตามิ) และสนามบินโกเบ ในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า คาดว่าเที่ยวบินระหว่างสนามบินนานาชาติคันไซและจีนจะลดลงประมาณ 34% ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธันวาคม เนื่องจากสถานการณ์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในอนาคตยังคงไม่แน่นอน
ทั้งนี้ การขนส่งผู้โดยสารทางอากาศที่ลดลงระหว่างจีนและญี่ปุ่นเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น หลังนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น กล่าวพาดพิงเกี่ยวกับไต้หวัน โดยเธอระบุว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวันอาจก่อให้เกิด "สถานการณ์คุกคามการอยู่รอด" ของญี่ปุ่น และนัยว่าญี่ปุ่นอาจใช้ "สิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน" เพื่อแทรกแซงด้วยอาวุธข้ามช่องแคบไต้หวัน
5.พบโรคอหิวาต์สุกรระบาด ใกล้เมืองบาร์เซโลนา ของสเปน
กระทรวงเกษตรของสเปนเปิดเผยว่า วานนี้ (2 ธ.ค) พบการระบาดของโรคอหิวาต์สุกรในหมูป่าที่ได้รับการยืนยันในพื้นที่เดียวกันใกล้เมืองบาร์เซโลนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน เพิ่มขึ้นเป็น 9 ตัว จากที่ก่อนหน้านี้ตรวจพบเพียง 2 ตัว และพบหมูป่าตายไปแล้ว 7 ตัว ขณะที่ หน่วยฉุกเฉินทางทหาร, ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรวมปฏิบัติการปิดกั้นถนนเพื่อป้องกันไม่ให้หมูป่าแพร่เชื้อไปยังสัตว์ในพื้นที่ และมีการส่งยานพาหนะอย่างน้อย 20 คัน พร้อมด้วยโดรน เพื่อควบคุมการระบาดให้อยู่ในรัศมี 20 กิโลเมตร
ทั้งนี้ สเปนเป็นผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป คิดเป็น 1 ใน 4 ของผลผลิตของสหภาพยุโรป โดยมีมูลค่าการส่งออกประมาณปีละ 3,500 ล้านยูโร หรือราว 130,000 ล้านบาท