เลขาธิการ สปส. แถลง ปรับเพดานค่าจ้าง เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนรอบด้าน

เลขาธิการ สปส. แถลง ปรับเพดานค่าจ้าง เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนรอบด้าน

View icon 70
วันที่ 4 ธ.ค. 2568 | 15.26 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เลขาธิการ สปส. แถลง ปรับเพดานค่าจ้าง เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนรอบด้าน เงินเดือน 17,500 บาท จ่ายเพิ่มเป็น 875 บาทต่อเดือน  หากเจ็บป่วย ทุพพลภาพ จะได้เพิ่มเป็น 8,750 บาทต่อเดือน 
         
วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า จากมติคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านรายได้ และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ็บป่วย ว่างงาน ทุพพลภาพ คลอดบุตร และชราภาพ โดยการปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้ จะดำเนินการเป็น 3 ระยะ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลดผลกระทบต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง โดยแบ่งออกเป็น
- ระยะที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2569–2571 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท คิดเป็นเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน
- ระยะที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2572–2574 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 20,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน
- และระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2575 เป็นต้นไป กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน

การปรับเพดานค่าจ้างในระยะที่ 1 จะส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในหลายกรณี ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน ไม่กระทบทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ครอบคลุมตั้งแต่เกิด จนเสียชีวิต
ดังนี้ เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และว่างงาน จากเดิมสูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 8,750 บาทต่อเดือน
เงินสงเคราะห์กรณีคลอดบุตร เพิ่มจาก 22,500 บาท เป็น 26,250 บาทต่อครั้ง
เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต เพิ่มจาก 90,000 บาท เป็น 105,000 บาท
รวมถึงเงินบำนาญชราภาพ ซึ่งในกรณีส่งเงินสมทบครบ 15 ปี จะเพิ่มจาก 3,000 บาท เป็น 3,500 บาทต่อเดือน
และในกรณีส่งครบ 25 ปี จะเพิ่มจาก 5,250 บาท เป็น 6,125 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้ การจ่ายสมทบที่เพิ่มขึ้นของนายจ้าง ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะทำให้ลูกจ้างมีสุขภาพที่ดีและมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต

นางสาวกาญจนา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ประกันตนที่ค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาท จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับเพดานค่าจ้าง โดยผู้ประกันตนจะนำส่งเงินสมทบ 5% ของค่าจ้างตามจริง เช่น กรณีค่าจ้างเดือนละ 10,000 บาท ผู้ประกันตนจะนำส่งเงินสมทบเดือนละ 500 บาท ทั้งนี้ การปรับเพดานค่าจ้างเป็นการยกระดับหลักประกันด้านรายได้ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและระดับค่าจ้างในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม โดยสำนักงานประกันสังคมจะเร่งดำเนินการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง