สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดังนี้

View icon 112
วันที่ 5 ธ.ค. 2568 | 20.04 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 08.55 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังกรมพัฒนาที่ดิน ทรงเปิดงานวันดินโลก ประจำปี 2568 (World Soil Day 2025) ซึ่งกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้น เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านทรัพยากรดินและการเกษตรเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร จนเป็นที่ประจักษ์ โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) มีมติรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันดินโลก เพื่อประกาศพระเกียรติคุณให้แผ่ไพศาลไปทั่วโลก ในปี 2568 สมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก กำหนดจัดงานภายใต้หัวข้อ “Healthy soils for healthy cities ดินที่สมบูรณ์ สู่เมืองที่สมดุล เกื้อกูลชีวิต” ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรดินในเมือง จากการขยายตัวของชุมชนเมือง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่สมดุล 

โอกาสนี้ พระราชทานหรียญรางวัล King Bhumibol World Soil Day Award ประจำปี 2568 แก่หน่วยงานที่สร้างความตระหนักรู้เรื่องคุณค่าของดินและการจัดการดินอย่างยั่งยืนเป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ ได้แก่ สมาคมศึกษาดินแห่งฝรั่งเศส (French Association for Soil Study (AFES)) มีผลงานดีเด่น จากการจัดกิจกรรมในงานสัปดาห์แห่งดิน ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญคือ การแสดงหลุมดินแห่งนอร์มังดี เป็นการขุดหลุมดินกว่า 10 หลุม มาจัดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสดินจริง ศึกษาสมบัติและศักยภาพของดินแต่ละชนิด

จากนั้น มีพระราชดำรัสความว่า "งานวันดินโลก จัดขึ้นเพื่อให้เราทุกคนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของทรัพยากรดินต่อทุกชีวิต ทั้งคน สัตว์ พืช ที่ใช้ดินเป็นแหล่งอาศัย การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นปัญหาหน้าดินถูกปิดทับ ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่หนาแน่นด้วยสิ่งปลูกสร้างและอาคารขนาดใหญ่ หน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ ถูกกลบทับเพื่อการก่อสร้าง เป็นเหตุให้พื้นที่ทำการเกษตร เพื่อผลิตอาหารลดลง จนอาจจะมีผลต่อความมั่นคงทางอาหาร พื้นที่ดินน้อยลง ทำให้พื้นที่สีเขียวลดลง กระทบถึงคุณภาพของอากาศและคุณภาพชีวิตของประชาชน ในฤดูที่น้ำมาก ถ้าไม่มีพื้นที่ดินช่วยชับน้ำ ก็จะเกิดน้ำท่วมขัง ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทุกภาคส่วน รวมถึงภาคประชาชน จึงควรร่วมมือกันวางแผน การจัดการพื้นที่เขตเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ มีการฟื้นฟูผืนดินที่เสื่อมโทรมให้ใช้ประโยชน์ได้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว จัดสร้างสวนสาธารณะให้มากขึ้น เป็นต้น หากทุกภาคส่วนผนึกกำลังร่วมมือร่วมใจกัน ก็เชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ สามารถสร้างสรรค์เมืองที่สวยงามน่าอยู่ เติบโตอย่างสมดุล เกื้อกูลประโยชน์แก่ทุกชีวิต และเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป" 

จากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการ อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง, นิทรรศการสานต่อที่พ่อทำ ของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี, นิทรรศการ King Bhumibol World Soil Day แสดงประวัติและผลงานที่เคยได้รับรางวัล, นิทรรศการ “Healthy soils for healthy cities ดินที่สมบูรณ์ สู่เมืองที่สมดุล เกื้อกูลชีวิต”, นิทรรศการดินดี ชีวิตดี, นิทรรศการวิถีเกษตรอินทรีย์ในเมือง, นิทรรศการจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การน้อมนำแนวพระราชดำริเรื่องการพัฒนาดินสู่ปฏิบัติของสำนักงาน กปร., การทำ พด.17 สารชีวภาพ ย่อยสลายตอซังพืช ของกรมพัฒนาที่ดิน และการจัดการขยะ กทม., การใช้ประโยชน์ที่ดี และการวางผังเมือง ของกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อใช้ที่ดินให้เหมาะกับศักยภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

จากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ดิน ซึ่งกรมพัฒนาที่ดิน ปรับปรุงห้องจัดแสดงเดิม ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2545 ให้ทันสมัย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทรัพยากรดิน แสดงการกำเนิดดิน ที่เกิดจากการผุกร่อนของหิน และมีปัจจัยอื่นเช่น สภาพอากาศ และกาลเวลา, ความสำคัญของดินและการตรวจสอบสัณฐานวิทยาของดิน, การจำแนกดินตามภูมิภาคต่าง ๆ, การจัดการดินและการอนุรักษ์ดินและน้ำ, บทบาทและการทำหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตในดิน และการใช้ประโยชน์ที่ดิน

โอกาสนี้ ทรงนำโมเดลแท่งดินที่เป็นตัวแทนกรุงเทพมหานคร สื่อถึง "ดินที่สมบูรณ์ สู่เมืองที่สมดุล เกื้อกูลชีวิต" วางบนแผ่นศิลปะดินอัดรูปแผนที่ประเทศไทย พร้อมทรงลงพระนามาภิไธยบนแผ่นศิลปะดินอัด บริเวณอ่าวไทย

งานวันดินโลกประจำปี 2568 เป็นเวทีสำคัญแสดงให้เห็นว่า “ดิน” คือรากฐานของความมั่นคงด้านอาหาร สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่ต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งการพัฒนาและการอนุรักษ์ทรัพยากรดินที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างเมืองที่น่าอยู่ และยังสร้างโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้คุณค่าของดินผ่านนิทรรศการและกิจกรรม เพื่อปลูกฝังความตระหนักรู้และทัศนคติที่ถูกต้องในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเป็นพลเมืองรุ่นใหม่ที่ช่วยสืบสานการพัฒนาดินที่ยั่งยืน 

เวลา 12.55 น. เสด็จพระราชดำเนินไปศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ทรงเปิดการประชุมวิชาการข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ภายในงาน Thailand Rice Fest 2025 และ Thailand Coffee Fest Year End 2025 มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกาแฟพิเศษไทย และเครือข่ายกว่า 20 องค์กร จัดขึ้น เพื่อนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และความคิดสร้างสรรค์ ในอุตสาหกรรมข้าวและกาแฟของไทย

โอกาสนี้ มีพระราชดำรัสเปิดงานความว่า "การประชุมว่าด้วยเรื่องข้าวที่องค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านข้าว ร่วมกันจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสให้นักวิจัย นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้และผลงานวิจัยใหม่ ๆ เรื่องข้าว เพื่อจะส่งเสริมให้การผลิตข้าวของประเทศได้ผลดียิ่งขึ้น และลดความซ้ำช้อนเรื่องการพัฒนาพันธุ์ข้าว ที่จะทำให้งานวิจัยเรื่องข้าวของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ ยังร่วมกันสรรหาแนวทางและเทคโนโลยีการผลิตข้าว ที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนการผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่มีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลาย งานนี้จะเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรผู้ผลิตข้าวโดยตรง นอกจากข้าวยังมีความรู้เรื่องกาแฟอย่างครบวงจร เป็นประโยชน์แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ผู้ประกอบธุรกิจกาแฟ ตลอดจนผู้นิยมบริโภคกาแฟ ที่จะมีส่วนช่วยส่งเสริมธุรกิจกาแฟของไทยให้เจริญอย่างยั่งยืน"

งาน Thailand Rice Fest 2025  จัดภายใต้หัวข้อ “ข้าวเปลี่ยนวิถี อาหารเปลี่ยนโลก" มีกิจกรรม อาทิ การบรรยายพิเศษ, การนำเสนอผลงานวิชาการ และการจัดแสดงนิทรรศการ เช่น นิทรรศการ “ข้าวไทยสู่โภชนาการเพื่อผู้สูงวัยและสุขภาพยั่งยืน”แสดงความก้าวหน้าตั้งแต่พันธุ์ข้าวโภชนาการสูง จนถึงนวัตกรรมอาหารเฉพาะบุคคล เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยและผู้ป่วยโรคเรื้อรังในอนาคต, นิทรรศการ “ข้าวคาร์บอนต่ำและพันธุ์ข้าวรักษ์โลกสู่อนาคตยั่งยืน” แสดงการพัฒนาพันธุ์ข้าวผลผลิตสูง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และระบบการผลิตที่ลดก๊าซเรือนกระจก, นิทรรศการ “พลิกโฉมฟางข้าวสู่ทองคำแห่งท้องนา ลดการเผา สร้างรายได้อย่างยั่งยืน” แสดงการบริหารจัดการฟางข้าวแบบครบวงจร เพื่อลดการเผาในที่โล่งและปัญหา PM2.5

ส่วนโซน Thailand Coffee Fest Year End 2025  เป็นงานกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นสร้างเครือข่าย และการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกาแฟไทย  มีการเสวนา แข่งขัน และเวิร์กช็อป ผู้สนใจเข้าชมงานได้จนถึงวันที่ 7 ธันวาคมนี้

ข่าวอื่นในหมวด