สนามข่าว 7 สี - กระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงยืนยัน ไทยเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน และยิงซ้ำอีกครั้งในช่วงค่ำ แต่กัมพูชาไม่ได้ตอบโต้ ยังคงยึดมั่นในแถลงการณ์สันติภาพของ 2 ประเทศ
ก.กลาโหม กัมพูชา แถลง ทหารไทยยิงก่อน
เพจเฟซบุ๊ก "พลเอก เตีย เซยฮา" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ เวลาประมาณ 14.15 น. ของวันที่ 7 ธันวาคม กำลังทหารไทยเริ่มโจมตีกองกำลังทหารกัมพูชา ในเขตพรอร์ลินธมาร์ และเขตโจมขันธ์ จังหวัดพระวิหาร อาวุธที่ใช้มีทั้งปืนกล B40 และปืนครก 60 มม.
ประมาณ 20.02 น. (7 ธ.ค.) ไทยเปิดฉากยิงกัมพูชาเป็นครั้งที่ 2 บริเวณภูมิศาสตร์ "โอ ปากเนห์" และ 20.30 น. ไทยยังยิงกัมพูชาในพื้นที่อำเภอเจียมกสันติ์ จังหวัดแพร่วิหาร และหยุดยิงเมื่อเวลา 20.50 น.
กัมพูชาไม่ได้ตอบโต้ และติดต่อฝั่งไทยเพื่อให้หยุดยิงทันที เหตุการณ์กลับมาสงบในช่วง 14.32 น. และช่วงเวลาเดียวกัน กัมพูชาได้แจ้งให้ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ดำเนินการสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว
ในท้ายแถลงการณ์ กัมพูชายืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเคารพทุกเงื่อนไขของการหยุดยิง และการแก้ไขข้อพิพาทผ่านวิธีสันติสุข
ฉบับที่ 2 แถลงผ่าน พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา อ้างถึงเพจทางการของ กองทัพไทย ภาค 2 เผยแพร่ว่า กัมพูชาระดมรถถังในสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
กัมพูชาไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง หรือขัดต่อแถลงการณ์สันติภาพร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ประเทศ และยังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความร่วมมือในทางปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคง หวังให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทบ.มีหลักฐาน ไทยถูกยิงก่อน
ขณะที่ กองทัพบกไทย ก็แถลงโต้กลับทันที โดยพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า คำกล่าวของ พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่เป็นความจริง
ข้อเท็จจริง คือ ทหารกัมพูชานำกำลังเข้ามาในพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะที่ไทยดำเนินการปรับปรุงเส้นทางในเขตไทย และยิงใส่ชุดรักษาความปลอดภัย ไทยจึงยิงปะทะตามกฎการใช้กำลัง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ สิบเอก อนุชาติ เรือนคำ ถูกยิงบริเวณขา และพลทหาร พรชัย จำปาจุม กระสุนถูกเสื้อเกราะบริเวณหน้าอก ซึ่งทั้ง 2 นาย อาการปลอดภัยแล้ว
ดังนั้น การที่กัมพูชาอ้างว่าไม่ได้ทำการยิงมานั้น ไม่เป็นความจริง และเป็นการกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐาน ดังเช่นที่กัมพูชามักปฏิบัติทุกครั้ง เมื่อเป็นผู้กระทำต่อฝ่ายไทยก่อน ขณะที่ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจน ยืนยันทั้งเวลา สถานที่ และผลกระทบต่อกำลังพลของไทย
เพจ "Army Military Force" ยังเผยแพร่ภาพการอพยพของชาวบ้านออกจากพื้นที่ชายแดน ด้านอำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย เมื่อช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืนที่ผ่านมา (7 ธ.ค.)
พร้อมกับภาพนี้ ภาพของ ผบ.บีทรูท หรือ "พระทมอ ระมีส" เจ้าอาวาสวัดคีรีรุกขาราม เข้าบัญชาการร่วมกับ รอง ผบ.พันสนับสนุน 391 ในแนวหน้า
สำหรับ ผบ.บีทรูท คนนี้ เคยบัญชาการทหารบ้านอีแตะ รบกับทหารไทยด้วยตัวเอง บนแนวรบพระวิหาร เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และยังใช้วัดเป็นสถานที่สำหรับวางกำลังพลของฝ่ายกัมพูชาอีกด้วย
ส่วนภาพนี้ แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมของทหารกัมพูชา ในการขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์
อย่างภาพที่เห็น คือ ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ซึ่งเป็นอาวุธต่อสู้รถถัง และยิงสนับสนุนทหารราบ สามารถยิงโดยไม่ต้องใช้ขาหยั่งที่แข็งแรงมากนัก หรือสามารถติดตั้งบนยานพาหนะขนาดเล็ก