หนุ่มทะเลาะกันในวงหมากฮอส แพ้แล้วพาล มีปากเสียงรุนแรง คนแพ้ไปหยิบมีดพร้า อีกฝ่ายเข้าไปหยิบอาวุธปืนในบ้าน ยิงออกมาโดนผู้บาดเจ็บ
วันนี้ (8 ธ.ค.68) วานนี้ ร.ต.ท.ศุภกร ขอดี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองยโสธร รับแจ้งเหตุมีชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าบ้านพัก ในบ้านหนองเรือ ต.หนองเรือ อ.เมือง จ.ยโสธร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานกู้ชีพโรงพยาบาลยโสธร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองยโสธร
เมื่อไปถึงพบนายสุวรรณ อายุ 48 ปี ถูกยิงได้บาดเจ็บมีแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณริมฝีปาก ซึ่งได้ขับรถกระบะมาขอความเหลือที่บ้านของกำนันตำบลหนองเรือ ซึ่งผู้บาดเจ็บนอนเลือดไหลท่วมตัวจำนวนมากอยู่บริเวณหน้าบ้านกำนัน เจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงได้เข้าช่วยเหลือพร้อมกับนำตัวส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลยโสธร ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่ารถกระบะของผู้บาดเจ็บมีรอยถูกยิงที่กระจกฝั่งข้างคนขับ
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายประกาย อายุ 51 ปี ซึ่ง พ.ต.ท.วรวุทธิ์ ท่านมุข รอง ผกก.สส.สภ.เมืองยโสธร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุด สืบสวน สภ.เมืองยโสธร นำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักหลังเกิดเหตุพร้อมกับอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุน จำนวน 7 นัด
สอบถามนายประกาย ผู้ก่อเหตุทราบว่า ตนกับผู้บาดเจ็บรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้เจอกันนานมากหลายปีแล้ว จนกระทั่งช่วงสายๆวันนี้ตนไปเก็บข้าวช่วยทีมงานและได้พบกับผู้บาดเจ็บ หลังจากเก็บข่าวเสร็จก็ได้พากันมานั่งดื่มและเล่นหมากฮอสที่หน้าบ้านของตน กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ตนกับคู่กรณีได้มีปากเสียงกัน ซึ่งคู่กรณีได้แพ้หมากฮอสแต่ไม่ยอมรับว่าแพ้ จึงเกิดการโต้เถียงและทะเลาะกัน ซึ่งผู้บาดเจ็บได้วิ่งไปที่รถแล้วนำมีดพร้าจะเข้ามาทำร้ายตน แต่ได้มีเพื่อนอีกเข้ามาห้ามปรามพร้อมกับดึงตัวผู้บาดเจ็บให้ขึ้นรถและไล่ให้ออกจากจุดเกิดเหตุไป แต่ด้วยความโมโห ตนก็เลยเข้าไปหยิบเอาปืนในบ้านพัก และมายิงขู่ผู้บาดเจ็บ ซึ่งขณะนั้นตนกับคู่กรณีอยู่ห่างกันหลาย 10 เมตร ตนนั่งอยู่หน้าบ้าน ส่วนผู้บาดเจ็บนั่งอยู่ที่รถกระบะที่จอดอยู่ริมถนนหน้าบ้าน จากนั้นคู่กรณีก็ขับรถออกจากที่เกิดเหตุไปทันที ซึ่งตนคิดว่ายิงไม่ถูกกรณีแน่นอน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมตนที่บ้านพักและแจ้งว่าตนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าผู้อื่น พร้อมทั้งนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป