ทหารกัมพูชา ยิงจรวด BM-21 เข้าพื้นที่ "ตาควาย"

View icon 16
วันที่ 9 ธ.ค. 2568 | 20.01 น.
ข่าวภาคค่ำ
แชร์
ข่าวภาคค่ำ - สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพไทย ยิงโต้ตอบฝ่ายกัมพูชาตลอดทั้งวัน สามารถเข้ายึดปราสาทคนา และควบคุมพื้นที่บ้านคลองแผงได้แล้ว ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังคงเปิดฉากยิงจรวด BM-21 เข้ามายังพื้นที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง

ทหารกัมพูชา ยิงจรวด BM-21 เข้าพื้นที่ "ตาควาย"
นี่เป็นภาพขณะที่ทหารกัมพูชา เปิดฉากระดมยิง จรวด BM-21 เข้ามายังพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

ทำให้ทหารไทยได้ยิงตอบโต้ใส่ฐานปฏิบัติการทางทหารกัมพูชา ที่อยู่บริเวณปราสาทตาควาย ซึ่งทหารกัมพูชาใช้ปราสาทตาควาย เป็นฐานที่ตั้งทางทหาร ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮก ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีพิพาททางอาวุธ ค.ศ.1954

กองทัพไทย แจงเข้ายึด "ปราสาทคนา" ได้ 2 เป้าหมาย
ขณะที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ฝ่ายกัมพูชา เริ่มยิงจรวด BM-21 ใส่พื้นที่ปราสาทตาควายหลายชุด ตั้งแต่เวลา 04.50 น. ทำให้ฝ่ายไทยยิงปืนใหญ่ตอบโต้ตามกฎการปะทะ

จนเวลา 09.21 น. ฝ่ายไทยได้เข้ายึดปราสาทคนาได้ 2 เป้าหมาย คงเหลือเป้าหมายที่ 3 และ 4

ทหารไทยเข้าปักธง-ควบคุมพื้นที่ "บ้านคลองแผง"
จากนั้น ช่วงเวลา 16.00 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 กองกำลังบูรพา เข้าปฏิบัติการทางทหาร จนสามารถควบคุมพื้นที่ บริเวณบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้วได้บางส่วน พร้อมปักธงชาติไทย และวางลวดหนามตลอดแนวที่ควบคุมได้

ทบ.ทำลาย "กาสิโน" ฐานปฏิบัติการ "กัมพูชา"
ด้าน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในพื้นที่บ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว กองกำลังบูรพา สามารถทำลายอาคารกาสิโนในฝั่งกัมพูชา ซึ่งดัดแปลงเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อโจมตีใส่ฝ่ายไทย และคลังอาวุธได้บางส่วน

โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มความรุนแรงเพียงตอบโต้ตามความเหมาะสมเพื่อรักษาอธิปไตย

ส่วนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 2 ทุ่น บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว สภาพพร้อมใช้งาน และยังพบระเบิดแสวงเครื่อง 2 ชุด ที่ทหารกัมพูชาแอบติดตั้งไว้

สั่งดูแลศูนย์พักพิง-เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า สั่งการให้ทุกหน่วยดูแลประชาชนที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงให้ดีที่สุด รวมถึง ให้กระทรวงมหาดไทย ติดตามเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เช่น การโอนเงินเยียวยาให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

พร้อมย้ำเหตุผลความจำเป็นที่ฝ่ายไทย ต้องยิงตอบโต้กลับ เพราะกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ

นายกฯ หนุนกองทัพ ลั่นหยุดยิงไม่ได้แล้ว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี บอกว่า ขณะนี้ ประเทศไทยดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำ ดังนั้นตอนนี้ต้องให้กำลังใจผู้ที่ปกป้องประเทศชาติและอธิปไตย พร้อมยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งให้ทหารหยุดยิง เพราะขณะนี้หยุดไม่ได้แล้ว

นายกฯ เสียงสั่นเครือสูญเสียทหารไทย ต้องชดใช้
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงทหารไทยที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า จะต้องดูแลอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเป็นวีรชน-วีรบุรุษที่เอาชีวิตเข้าปกป้องประเทศ จึงต้องยกย่องสรรเสริญ ดูแลครอบครัวของเขาให้ดีที่สุด

โดย นายกฯ พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า การสูญเสียทหารไทย ถือเป็นต้นทุน ที่ต้องมีการชดใช้

นายกฯ โพสต์อาลัยทหารกล้าสละชีพเพื่อชาติ
นายกฯ ยังโพสต์ภาพธงชาติไทย พร้อมระบุข้อความว่า ขอกราบคารวะวีรบุรุษผู้กล้าทั้งสามท่าน ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย ขอส่งกำลังใจให้แก่ครอบครัว และให้คำมั่นสัญญาว่า จะให้การดูแลสมาชิกในครอบครัวทุกคนอย่างดีที่สุด และการเสียสละของท่านจะไม่เป็นสิ่งที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

ขณะที่ยอดตัวกำลังพลเสียชีวิตในวันนี้ (9 ธ.ค.) เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 นาย คือ

1. พลทหาร วายุ ขวัญเสือ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ โดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง จากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณปราสาทตาควาย พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จังหวัดสุรินทร์

2. สิบเอก ชวกร เดชขุนทด สังกัด กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากเครื่องยิงลูกระเบิด พื้นที่พระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนจะเสียชีวิต

และ 3. จ่าสิบโท จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด กองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากการถูกทหารกัมพูชายิงด้วยปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง จากบริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า รวมการปะทะ 3 วัน มีทหารเสียชีวิตแล้ว 4 นาย บาดเจ็บกว่า 68 นาย

"สีหศักดิ์" ลั่นไทยไม่พร้อมให้ประเทศที่ 3 ช่วยเจรจา
ด้าน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า แม้จะมีประเทศที่ 3 ติดต่อมาเพื่อขอเป็นตัวกลางในการประสานการเจรจา แต่ประเทศไทยยังไม่พร้อมเจรจา เพราะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มเหตุการณ์ อีกทั้ง กัมพูชา ยังใช้วิธีการสร้างสถานการณ์และยั่วยุ ดังนั้นการเจรจาในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีประโยชน์

และเมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้แถลงการณ์ร่วมฯ ที่เคยลงนามร่วมกันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง