ปะทะเดือด ทหารไทยพลีชีพ

View icon 25
วันที่ 10 ธ.ค. 2568 | 06.14 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - กองทัพส่งร่าง จ่าเพียว ทหารกล้าสละชีพในสมรภูมิรบช่องบกกลับบ้านเกิดอย่างสมเกียรติ วานนี้ (9 ธ.ค.)  ทหารไทยพลีชีพอีก 3 นาย

ปะทะเดือด ทหารไทยพลีชีพ
รายแรกก็คือ พลทหาร วายุ ขวัญเสือ อายุ 21 ปี สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31  รักษาพระองค์ ถูกสะเก็ดระเบิดของกัมพูชา สมรภูมิสู้รบที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์

พ่อ-แม่ ของพลทหาร วายุ ชาวอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี หลังทราบข่าวร้าย เก็บกวาดที่พัก เตรียมสถานที่ให้ญาติมาพักช่วงจัดงานศพ คาดอีก 1-2 วัน ร่างจะถูกส่งมาให้กับครอบครัว จะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสว่างภพ

พ่อบอกว่า พลทหาร วายุ เป็นลูกชายคนโต สมัครใจไปเป็นทหาร ช่วงยิงปะทะครั้งแรก เดือนกรกฎาคม ลูกชายถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ตาและหู เมื่อได้รับเงินเยียวยา ลูกชายก็นำมาต่อเติมบ้าน ยังทำไม่ทันเสร็จก็มาจากไป พ่อยังไม่อยากจะเชื่อคิดว่าเป็นความฝัน

แม่ของพลทหาร วายุ เผยทั้งน้ำตา 18.00 น. ลูกชายโทรมาหา ถามว่ากินข้าวหรือยัง โอนเงินมาให้แม่ 10,000 บาท ให้เก็บเอาไว้ซื้อของที่อยากกิน และส่งข้อความบอกว่า "ผมไปแล้วนะ" เหมือนเป็นการสั่งเสีย เสียใจจนพูดไม่ออก ลูกชายรักในอาชีพทหาร มีความฝันจะสอบนายสิบ ต่อให้พ่อ-แม่ภูมิใจ

ส่วนสิบเอก ชวกร เดชขุนทด สังกัด กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี ถูกระเบิดกัมพูชา ยิงฐานปฏิบัติการทางทหาร ที่จังหวัดศรีสะเกษ เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

เฟซบุ๊กส่วนตัวของ สิบเอก ชวกร แชร์คลิปทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย เขียนข้อความว่า "อยากได้ก้อนหินก็เอาไป แต่เราจะเอาแผ่นดินคืน"

หลังเกิดความสูญเสีย ญาติพี่น้อง พากันมาให้กำลังใจ นางสาว รัชดาพร ศิวิลัย อายุ 27 ปี ภรรยาของ สิบเอก ชวกร ที่บ้านพักจังหวัดสระบุรี ช่วยดูแลลูกชาย อายุ 2 ขวบ

นางสาว รัชดาพร เปิดใจทั้งน้ำตา คบหากับสามีมานาน 13 ปี เพิ่งแต่งงานได้ 3 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เจอกันครั้งสุดท้าย พาลูกไปส่งสามีที่ค่าย เพื่อไปทำหน้าที่ยังชายแดน

ก่อนไปสามีเครียด จนต้องเข้าโรงพยาบาล กลัวไปชายแดนครั้งนี้ จะไม่ได้กลับมาเจอลูก จนเมื่อช่วงสาย ได้รับแจ้งข่าวร้าย เธอล้มทั้งยืน เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อคืนสามีพูดเป็นลาง สั่งเสียให้ ดูแลลูกให้ดี ๆ

ส่วนอีกนายก็คือ จ่าสิบโท จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด กองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ ถูกทหารกัมพูชา ยิงด้วยปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จากบริเวณเนิน 677 มายังช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี

นางกัลยา มุ่งกลาง อายุ 60 ปี แม่ของ จ่าสิบโท จิระวัฒน์ พิการมือซ้าย ร่างกายอ่อนแรงจากอุบัติเหตุ กอดรูปของลูกชายร้องไห้ตลอดเวลา

เฝ้าดูญาติ และพ่อของจ่าสิบโท จิระวัฒน์ ซึ่งบวชเป็นพระ อยู่ที่วัดวังน้ำเย็น อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี จัดเตรียมสถานที่จัดงานศพ คาดว่าร่างจะถูกส่งมาวันนี้ (10 ต.ค.) 17.00 น.

แม่เล่าด้วยความภาคภูมิใจ ลูกชายขอไปเป็นทหาร เพราะอยากรับใช้ชาติ ที่ผ่านมาก็คุยกันตามปกติ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ลูกชายได้พักก็กลับมาเยี่ยมพ่อ-แม่ ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ

ความภาคภูมิใจในครั้งนี้ แลกมาด้วยความสูญเสีย แม่อยากให้สถานการณ์ชายแดนสงบโดยเร็ว วอนผู้ที่มีอำนาจจัดการอย่างเด็ดขาด

ส่งร่าง จ่าเพียว วีรบุรุษช่องบก จ.อุบลราชธานี
ส่วนที่พุทธสถานมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ทหารกองเกียรติยศเป่าแตรนอน ส่ง จ่าสิบเอก ศตวรรษ สุจริต หรือจ่าเพียว อายุ 32 ปี สังกัดกองร้อยทหารม้า ลาดตระเวนที่ 6 ถูกระเบิดกัมพูชาโจมตี ที่ช่องบก 07.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. ส่งให้กับครอบครัว จังหวัดร้อยเอ็ด

12.30 น. ร่างของจ่าเพียว ถูกคลุมด้วยธงชาติ เดินทางไปถึงบ้านเกิด ที่ชุมชนตลาดหนอกพอก จังหวัดร้อยเอ็ด กองเกียรติยศเป่าแตร่นอน มีเพื่อนทหาร ข้าราชการ มาตั้งแถวรับร่างอย่างสมเกียรติ ครอบครัวจ่าเพียว โดยเฉพาะ ลูกสาว 2 คน คนโต 6 ขวบ คนเล็ก 4 ขวบ ร้องไห้ด้วยความเสียใจ

พ่อของจ่าเพียว เผยทั้งน้ำตา ภูมิใจที่ลูกชายปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี เมื่อต้นเดือนธันวาคม เคยพูดเตือนลูกชาย สั้น ๆ อย่าเชื่อใจทหารกัมพูชา ระวังมันจะตลบหลัง ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง

สำหรับการณ์ยิงปะทะ ตั้งแต่วันที่ 7-9 ธันวาคม ทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 68 นาย

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย เป็นรายที่ 5 คือ พลทหาร เทิดศักดิ์ ศรีลาชัย หลังถูกสะเก็ดระเบิด BM-21 ของกัมพูชา บริเวณพื้นที่ปราสาทคณา โดยรายละเอียดต้องรอกองทัพแถลงยืนยันอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง