สนามข่าว 7 สี - หลังจากนี้ต้องติดตามท่าทีของไทย และกัมพูชา หลังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงทันที
โดยแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับการสู้รบ จำนวนผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย จึงเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ และให้การคุ้มครองพลเรือน พร้อมกับเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับไปใช้มาตรการลดความตึงเครียดตามปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์
ซึ่ง "นายกฯ อนุทิน" และ "นายกฯ ฮุน มาเนต" ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งในการลงนามครั้งนั้นมี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน
ขณะที่ นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โพสต์ข้อความผ่าน X ในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายควรหยุดการสู้รบโดยทันที และกลับไปใช้มาตรการลดความตึงเครียดตามปฏิญญาสันติภาพที่กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์
สำหรับการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา ดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว และยังไม่มีท่าทีที่จะยุติ หลังจากเมื่อวาน "นายกฯ อนุทิน" ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า ยังไม่มีการเจรจา และหยุดไม่ได้จนกว่ากองทัพกัมพูชาจะสิ้นสภาพ
เช่นเดียวกับท่าทีของกัมพูชา หลังจากที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่าพร้อมตอบโต้ทุกแนวรบ เพื่อป้องกันตนเอง โดยอ้างว่าอดทนมานานกว่า 24 ชั่วโมง เพื่อเคารพต่อข้อตกลงหยุดยิง
สอดคล้องกับเมื่อวาน กองทัพอากาศไทย ได้ใช้อาวุธหนักเครื่องบินรบ Gripen บินทิ้งระเบิดเข้าใส่กาสิโนบริเวณฝั่งตรงข้ามกับช่องจอม หลังพบข้อมูลว่ามีการซ่องสุมกำลัง
และมีข้อมูลจากกองทัพภาคที่ 2 ที่น่าจะชี้ชัดได้ว่าการสู้รบน่าจะยังไม่ยุติง่าย ๆ เพราะมีรายงานว่า กัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 ประมาณ 125 ครั้ง กระสุนลูกจรวดรวม 5,000 นัด รวมถึงโจมตีด้วยโดรนพลีชีพ หรือ "โดรน FPV" รวมทั้งสิ้น 33 พื้นที่ โดยทั้งหมดถูกนำมาโจมตีฐานที่มั่นของไทยในหลายแนวรบ
ล่าสุดหลายฝ่ายเริ่มวิเคราะห์แล้วว่า กัมพูชาอาจนำอาวุธหนักอย่างเครื่องยิงจรวด PHL-03 มาใช้งาน ซึ่งมีพิสัยยิงไกล 70-130 กิโลเมตร มาใช้โจมตีพื้นที่ที่ลึกเข้ามาในดินแดนไทย
ส่วนท่าทีล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าจะกระทบกับการเจรจาภาษีการค้า ระหว่างไทยกับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือไม่นั้น
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า การเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยได้พูดคุยกัน ยังทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหมือนเดิม อีกทั้งสหรัฐฯ ยังไม่มีท่าทีอะไรเพิ่มเติมตอบกลับมาหลังเกิดการปะทะชายแดนรอบใหม่ และไม่คิดว่าสหรัฐฯ จะนำประเด็นการสู้รบมากดดันไทย เพราะท่าทีของไทยชัดเจนว่าไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน
