สนามข่าว 7 สี - หลังจากมีรายงาน "กัมพูชา" เคลื่อนย้ายเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 เข้าพื้นที่ จังหวัดกัมปงธม ทำให้เกิดข้อกังวลเรื่องระยะการยิงจะตกอยู่ที่จุดไหน ทาง โฆษกกองทัพบก ระบุด้วยสภาพการรบขณะนี้ไม่เหมาะจะใช้ และระยะยิงไกลเกินระดับเหมาะสม
เพจเฟซบุ๊ก "Army Military Force" โพสต์ข้อความระบุว่า ด่วน! กองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันเวลา 16.00 น. ตรวจพบรถดาวเทียมและรถองค์ประกอบของระบบจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ขนาด 300 mm. ที่มีระยะยิงสูงสุด 130 กิโลเมตร ของกองทัพกัมพูชา เดินทางเข้าพื้นที่ในจังหวัดกัมปงธมเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม แต่โดยหลักทางทหารแล้ว ด้วยสภาพพื้นที่การรบขณะนี้ไม่น่าจะเหมาะที่จะใช้ เพราะอาจจะมีระยะยิงที่ไกลเกินกว่าระดับความเหมาะสม และที่ผ่านมาก็ไม่เคยใช้
กองทัพภาคที่ 2 เปิดระยะยิงของ PHL-03 คุณสมบัติเด่นมี ระยะยิงสูงสุดถึง 130 กิโลเมตร ถ้ากัมพูชาวางที่ชายแดนพอดี รัศมีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่ของไทย คือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และ ตราด
เพจ มิตรเอิร์ธ - mitrearth วิเคราะห์ว่า กัมพูชาไม่น่าเสี่ยงยิง PHL-03 เพราะหากยิงจากจังหวัดกัมปงธม จะถูกบ้านตัวเองด้วย โดยเฉพาะ ปอยเปต และ พระตะบอง สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่น่ากังวล
ขณะที่เพจ thaiarmedforce.com วิเคราะห์ว่า กัมพูชามีเจตนาเตรียมพร้อมเพื่อใช้งานจรวดแบบนี้ เพราะจังหวัดกำปงธมมีระยะห่างจากชายแดนไทยกว่า 100 กิโลเมตร ถือว่าไกลจากอาวุธยิงระยะไกลของไทยเกือบทุกแบบ ดังนั้นถือว่าเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัย แต่ก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ห่างจากจุดตั้งยิงมากเกินไป นั่นหมายถึงว่าเมื่อมีคำสั่งให้ทำการยิง กัมพูชาสามารถเคลื่อน PHL-03 เข้าสู่ตำแหน่งยิงที่ใกล้ชายแดนได้ในระยะเวลาไม่นาน
ดังนั้นไทยจำเป็นต้องเน้นงานด้านการข่าวและการเฝ้าตรวจเพื่อดูความเคลื่อนไหวของจรวดแบบนี้ และหาทางในการยิงตอบโต้ทันที
ด้าน กระทรวงกลาโหมกัมพูชา โพสต์โต้กลับกองทัพไทย ระบุกระแสข่าวกัมพูชาเตรียม PHL-03 ในพื้นที่จังหวัดกัมปงธม ไม่เป็นความจริง และย้ำว่า กัมพูชายึดมั่นที่จะเคารพและปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ตรงและชัดเจนที่สุด