สนามข่าว 7 สี - อัยการ ระบุ ไทย-กัมพูชา ปะทะรอบสอง อาจไม่เข้าข่ายความผิดนอกราชอาณาจักร ให้เหตุผลว่าสถานการณ์แตกต่างจากครั้งก่อน ที่ฝ่ายไทยถูกกัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่พลเรือนโดยไม่ทันตั้งตัว เสมือนถูกกระทำฝ่ายเดียว แต่การปะทะรอบสองเป็นการสู้รบกันชัดเจน
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีความผิดนอกราชอาณาจักร กรณีที่ทางฝ่ายกัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่พลเรือน ซึ่งมีทั้งบ้านเรือนประชาชนและร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ที่ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
สืบเนื่องจากพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้ทำการสืบสวนสอบสวน และนำเรื่องส่งมาให้อัยการสูงสุด ผ่านสำนักงานการสอบสวน ซึ่งต่อมาอัยการสูงสุดมีความเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร จึงมอบให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน เข้าไปร่วมสอบสวนด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานกันเพื่อร่วมทำการสอบสวน แต่ตอนนี้เกิดสถานการณ์การปะทะกันขึ้นอีก จึงยังไม่ได้ดำเนินการร่วมกัน ซึ่งหากมีการสอบสวนร่วมกันแล้วเสร็จก็จะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดที่นำสั่งฟ้องตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนการปะทะกันครั้งที่ 2 ที่เพิ่งเกิดขึ้น ระบุว่าสถานการณ์แตกต่างจากคดียิงพื้นที่พลเรือนที่เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรในครั้งก่อน เนื่องจากครั้งที่แล้วฝ่ายไทยยังไม่ได้เตรียมการรับมือ เพราะจุดเกิดเหตุไม่ใช่พื้นที่เป้าหมายทางทหาร ถือเป็นการที่ฝ่ายไทยถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว มีหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่พลเรือน จึงถือเป็นความผิดนอกอาณาจักร แต่การปะทะครั้งนี้เป็นการตอบโต้กันทั้งสองฝ่าย ถือเป็นสถานการณ์สู้รบ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายกับทั้งทหารและพลเรือน ด้วยความเห็นส่วนตัวเห็นว่าอาจไม่เข้าข่ายความผิดนอกราชอาณาจักรเหมือนในกรณีคดีแรก
อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การสู้รบรอบสองสิ้นสุด หากพนักงานสอบสวนส่งเรื่องมาให้พนักงานอัยการ ก็จะต้องมาพิจารณาว่ามีกรณีใดที่เข้าข่ายความผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่ อย่างไร