สนามข่าว 7 สี - จำข่าวที่เราเคยนำเสนอได้ไหม เรื่องสติกเกอร์ "QR code" แปะตามเสาไฟฟ้า ที่ลามจากจังหวัดภูเก็ต เข้ามาถึงใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นตำรวจบอกว่า รู้เบาะแสแก๊งนี้แล้ว และเมื่อวานก็ส่งข่าวมาอัปเดตว่า จับกุมได้เรียบร้อยแล้ว
ที่คุณผู้ชมเห็นคนเข้าไปชิงโทรศัพท์ คนนั้นเป็นตำรวจนะ ไม่ใช่โจร ต้องทำแบบนี้ เพราะไม่งั้นโทรศัพท์ล็อกหน้าจอ การเข้าถึงใด ๆ จะเป็นปัญหาอีก เลยต้องบุกชาร์จเข้าจับกุมนายมาร์ค อายุ 35 ปี ชาวรัสเซีย ซึ่งจับได้เป็นคนแรก โดยเจอตัวเดินอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยเอกมัย 10 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ แล้วก็พาไปตรวจค้นรถตู้ต้องสงสัย เจอกัญชาอีกเพียบ
ต่อจากนั้นตำรวจสืบสวนนครบาล ก็ขยายผลต่อไปจับกุมชายชาวรัสเซียได้เพิ่มอีกคน ชื่อว่า นายอีวาน อยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร โดยชายคนนี้แหละที่เป็นคนนำสติกเกอร์ไปติดตามสถานที่ต่าง ๆ ตอนที่ตำรวจเข้าไปในห้อง ยังเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์คาไว้อยู่พอดี พร้อมกับยึดของกลางได้อีกหลายรายการ รวมของกลางที่ยึดได้จากทั้ง 2 คน มี เงินสด รถตู้ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ สมุดบัญชีธนาคาร ช่อดอก และเมล็ดกัญชาจำนวนมาก
ที่มาที่ไปของคดีนี้ เกี่ยวข้องกับภาพที่มีการแชร์กันในโซเชียลฯ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม มีคนไปเจอสติกเกอร์หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนกับที่เป็นข่าว และที่ทีมข่าวตามไปเจอ แต่ลองสแกนแล้ว พบว่าไม่สามารถใช้งานได้ พอสอบถามกับ "รองจ๋อ" พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. ที่ดูแลงานด้านปราบปรามยาเสพติด บอกว่า กำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่พอดี ได้เบาะแสกำลังจะได้ตัวแล้ว
ซึ่งจริง ๆ ตอนนั้นชุดสืบสวนกำลังลงพื้นที่ตามสะกดรอย ไล่ตั้งแต่คนที่สแกน QR code ไปถึงจุดที่ไปรับยาเสพติด จนได้ข้อมูลว่าคนร้ายใช้ QR code เป็นช่องทางติดต่อ แล้วให้ AI Auto bot คอยตอบแช็ต ไปจนถึงเช็คยอดเงิน ก่อนจะให้คนเอายาเสพติดไปวางตามพิกัดต่าง ๆ
จากการสอบปากคำผ่านล่าม นายมาร์ค ให้การภาคเสธ รับสารภาพเรื่องที่อยู่ไทยเกินกำหนด แต่ปฏิเสธเรื่องซื้อ-ขาย กัญชา
ส่วนนายอิวาน ปฏิเสธเต็มตัว อ้างว่า คนในกล้องวงจรปิดไม่ใช่ตน แค่บังเอิญหน้าคล้าย ๆ กัน และตนก็ไม่ได้สนิทสนมกับ นายมาร์ค แค่เคยเห็นหน้ากันผ่าน ๆ เท่านั้น
สอบถามไปล่าสุด เช้าวันนี้ตำรวจจะพาตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปขออำนาจศาลฯ ฝากขัง หลังสอบปากคำมาตลอดทั้งวัน และจากข้อมูลการสืบสวน ก็เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีก เพราะต้องมีคนจัดหากัญชา ช่อดอก และคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะขยายผลจับกุมทั้งหมดต่อไป