ทภ.2 ซัด ! กัมพูชายิงปืนใหญ่เข้าสู่เขตชุมชน เป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรม ที่ไม่อาจยอมรับได้ และผลกระทบต่อความมั่นคงชายแดนไทย
วันที่ 11 ธ.ค.68 กองทัพภาคที่2 เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 - 10 ธ.ค.68 ได้มีกระสุนปืนใหญ่แบบ BM-21 ตกลงในเขตพื้นที่ชุมชนฝั่งไทยหลายแห่ง เป็นสถานการณ์ที่สร้างความตระหนกต่อประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ แม้ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน และโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ส่งผลกระทบทางจิตใจของประชาชน ถือเป็นประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามได้
การยิงปืนใหญ่เข้าสู่เขตพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่อาศัย ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมสากล (International Humanitarian Law) ซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายต้องเคารพความปลอดภัยของพลเรือนและต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีพื้นที่ที่ไม่ใช่เป้าทางทหาร การละเมิดหลักการดังกล่าวไม่เพียงเป็นภัยต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ แต่ยังสร้างความสูญเสียทางสังคม เศรษฐกิจ และความไว้วางใจระหว่างประเทศอย่างยากจะประเมิน
จากการตรวจสอบของหน่วยในพื้นที่ร่วมกับผู้นำชุมชนและฝ่ายปกครอง พบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกระจายหลายจุดในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยเฉพาะใน เขตพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบจำนวนมากที่สุด มีจุดตกของกระสุนไม่น้อยกว่า 8 แห่ง ทั้งบ้านเรือน ถนนภายในหมู่บ้าน พื้นที่สวนยางพารา ไปจนถึงโรงเรียนบ้านพรทิพย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กและเยาวชนใช้ในการเรียนรู้
นอกจากนี้ ยังพบ BM-21 จำนวน 3 นัด ตกในเขตพื้นที่บ้านหนองเม็กน้อย ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนหลายหลัง ที่สำคัญคือ มีรายงานเพิ่มเติมว่ากระสุน BM-21 ตก ใกล้โรงพยาบาลพนมดงรัก ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ประชาชนใช้พึ่งพาในยามเจ็บป่วย นับเป็นจุดที่สะท้อนถึงความเสี่ยงรุนแรงอย่างยิ่ง เพราะการยิงอาวุธหนักใกล้สถานพยาบาลถือเป็น การละเมิดหลักมนุษยธรรมในระดับที่อ่อนไหวที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นพื้นที่คุ้มครองทางสากลที่ต้องไม่ถูกคุกคามไม่ว่าภายใต้สถานการณ์ใด ในอีกสองจังหวัด การตรวจพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขตพื้นที่ชุมชนเช่นเดียวกัน
โดยใน อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจพบ BM-21 จำนวน 5 ลูก ในเขตพื้นที่บ้านหว้า และใน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พบกระสุนอีก 3 ลูกตกในเขตพื้นที่บ้านสกล แม้ผลกระทบต่อโครงสร้างบ้านเรือนจะมีจำกัด แต่สัญญาณที่ส่งมานั้นชัดเจน ประชาชนผู้บริสุทธิ์คือผู้ที่ต้องรับความเสี่ยงจากการใช้กำลังที่ขาดความรับผิดชอบ
ในภาพรวมเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงชายแดนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ชุมชนที่เคยสงบต้องเผชิญความหวาดกลัว เกษตรกรไม่อาจทำงานในพื้นที่ของตนได้ตามปกติ ผู้ปกครองวิตกกังวลต่อความปลอดภัยของบุตรหลาน และอาจเกิดการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งย่อมส่งผลต่อโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนในรัฐและหน่วยงานความมั่นคง
ขอประณามอย่างถึงที่สุด ต่อการยิงปืนใหญ่เข้าสู่เขตพื้นที่ชุมชน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดหลักมนุษยธรรม ผิดหลักปฏิบัติทางทหาร และไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ หน่วยทหารในพื้นที่ได้ลงตรวจสอบ ฟื้นฟูความเสียหาย ประสานหน่วยงานทุกระดับ และใช้ช่องทางการทูตทหารเพื่อยับยั้งเหตุการณ์ไม่ให้ทวีความรุนแรง พร้อมยืนยันหลักสำคัญว่า “ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อนเสมอ”
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญของภูมิภาคว่า ความขัดแย้งใดก็ตามต้องไม่พาดพิงมาถึงชีวิตของผู้บริสุทธิ์ การละเมิดหลักมนุษยธรรมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมกันป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในเขตพื้นที่ชุมชนของไทย