ไทยไม่ทน! ใช้สิทธิโต้เดือด “กัมพูชา” กลางที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

ไทยไม่ทน! ใช้สิทธิโต้เดือด “กัมพูชา” กลางที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

View icon 895
วันที่ 11 ธ.ค. 2568 | 14.16 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“ไทย” ใช้สิทธิตอบโต้เดือด ประณาม “กัมพูชา” กลางที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เหตุบิดเบือนข้อเท็จจริง ละเมิดอธิปไตย ทำคนไทยต้องอพยพกว่า 400,000 คน
.
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ในการอภิปรายทั่วไปต่อที่ประชุมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ภายใต้ระเบียบวาระที่ 72 เรื่องการเสริมสร้างการประสานงานด้านความช่วยเหลือในการบรรเทาภัยพิบัติ และมนุษยธรรมของสหประชาชาติ รวมถึงความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเป็นกรณีพิเศษ
.
ไทย ได้กล่าวถ้อยแถลงแสดงความเสียใจต่อผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน รวมถึงการใช้อาวุธที่ไม่เลือกเป้าหมายเช่นทุ่นระเบิด และเรียกร้องให้รัฐภาคีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (APMBC) ยึดมั่นตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ต่อมา กัมพูชาได้กล่าวถ้อยแถลงที่บิดเบือนข้อเท็จจริง
.
น.ส.รัชดา สุเทพากุล อัครราชทูตที่ปรึกษา คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผู้แทนไทยจึงได้ขอใช้สิทธิตอบโต้ โดยชี้แจงว่า การปะทะล่าสุดเกิดจากกองกำลังกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้ามาในดินแดนไทย รายงานของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observation Team: AOT)
.
โดยยืนยันว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ทำให้ทหารไทยเจ็ดนายได้รับบาดเจ็บจนพิการเป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งถูกวางใหม่ ตรงกันข้ามกับข้ออ้างที่ว่าทุ่นระเบิดหลงเหลือจากสงครามกลางเมือง สะท้อนยุทธวิธีและรูปแบบซ้ำซากของอีกฝ่ายในการดำเนินการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อไทย ปฏิเสธการกระทำของตนเอง และแสร้งว่าตนเป็นเหยื่อ เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าเป็น
ฝ่ายที่รักษาสันติภาพและใช้ความอดกลั้น
.
ไทย ประณามการกระทำนี้ว่า เป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้พลเรือนกว่า 400,000 คน รวมถึงสตรีและเด็ก ต้องอพยพ ไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองโดยชอบตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ โดยมาตรการป้องกันตนเองทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ตามความจำเป็นและตอบโต้เป้าหมายทางทหารเท่านั้น
.
ไทย ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศและการทูต พร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติและยั่งยืน เพื่อยุติความทุกข์ยากของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน