โฆษก ทบ. มั่นใจ “เขมร” ไม่กล้าใช้ จรวด PHL-03 หากใช้กัมพูชา จะตกที่นั่งลำบาก เพราะกองทัพไทย จะยกระดับมาตรการสู้รบรแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกัมพูชาอย่างใหญ่หลวง
วันนี้ ( 11 ธ.ค.68 ) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยผ่าน รายการ “ศจีตีคดี” ทางเพจ Ch7HDNews ว่า สถานการณ์วันนี้ ไม่ต่างจากเมื่อวาน กัมพูชายังคงระดมยิงจรวด BM-21 ใส่ไทย และไทยจำเป็นต้องตอบโต้กลับ ทำให้ต่างฝ่ายต่างสาดอาวุธใส่กันไปมา ทำให้ปัจจุบันคนไทย ต้องระมัดระวังให้มากกว่าวันแรก
สำหรับพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ทั้ง 4 จังหวัด ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธประเภทจรวดยิง ด้วยจำนวนปริมาณมาก ๆ และใช้โดรนพลีชีพ และระเบิดปืนใหญ่ โจมตีไทยตลอดแนว ซึ่งทหารไทยได้ตอบโต้ด้วยอาวุธทางอากาศยาน ซึ่งวันนี้ กัมพูชาได้เรื่อโจมตี มีการใช้อาวุธตั้งแต่ ตี 5 โดยเฉพาะบริเวณช่องบก ช่องอาม้า ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนทม
ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 คือในพื้นที่บ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน และบ้านของลึก สถานการณ์ ล่าสุด ทหารไทยสามาถเข้าควบคุมบ้านหนองหญ้าแก้วได้แล้ว แต่กัมพูชายังมีความพยายามในการเข้ายึดคืน แต่ยังไม่สามารถทำได้ ขณะที่บ้านหนองจาน ทหารไทย ควบคุมพื้นที่ได้แล้วบางส่วน และยังสลับไปมา ซึ่งทหารไทยจะใช้ความความพยามอย่างหนักหน่วงในการเข้าควบคุมพื้นที่ให้ได้ ขณะเดียวกัน ที่บ้านหนองจาน ได้ขอรับการสนับสนุนอากาศยานทางอากาศ เข้าควบคุมพื้นที่ด้วยส่วนหนึ่ง
พล.ต. วินธัย ยังเปิดเผยอีกว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ ยอมรับว่าไม่ง่าย โดยจะสังเกตได้จากระดับของอาวุธมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับการปะทะเมื่อเดือนกรกฎาคม กัมพูชามีการพัฒนาเรื่องของอาวุธที่ใช้ในการโจมตีไทย ทั้งเรื่องของระเบิดปืนใหญ่ และจรวด BM-21 แต่ไม่เกินขีดความสามารถของกองทัพไทย ที่จะปฏิบัติการเชิงรุก ทหารไทยยังคงมั่นใจ
ครั้งนี้กัมพูชาใช้อาวุธประเภทจรวดกับทางไทยได้มากกว่าเดิม ซึ่งกัมพูชาใช้มนุษย์เป็นโล่กำบัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องเรียกร้องให้กัมพูชาออกมารับผิดชอบ
“และที่ต้องออกมาเตือน ประเด็นจรวด PHL-03 เพราะพบความเคลื่อนไหว และหากกัมพูชาตัดสินใจใช้ PHL-03 ก็จะตกที่นั่งลำบาก เพราะว่ากองทัพไทยจะยกระดับมาตรการแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกัมพูชาอย่างใหญ่หลวง โดยส่วนตัวเชื่อว่ากัมพูชาไม่น่าจะใช้ PHL-03” พล.ต. วินธัย กล่าว
