ฎีกา ยกฟ้อง กานต์ วิภากร เปิดเพลงในไลฟ์สดหมิ่นฯ อีฟ แม็กซิม ชี้ เนื้อเพลงไม่เป็นการใส่ความโจทก์

ฎีกา ยกฟ้อง กานต์ วิภากร เปิดเพลงในไลฟ์สดหมิ่นฯ อีฟ แม็กซิม ชี้ เนื้อเพลงไม่เป็นการใส่ความโจทก์

View icon 61
วันที่ 11 ธ.ค. 2568 | 15.00 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ฎีกายืนยกฟ้อง กานต์ วิภากร เปิดเพลงในไลฟ์สดหมิ่นฯ อีฟ แม็กซิม ชี้ เนื้อเพลงไม่เป็นการใส่ความโจทก์ เป็นเพียงการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร ขณะที่เจ้าตัวขอบคุณศาลที่เมตตา รับห่วง “เสก โลโซ” อยู่เรือนจำทำงานหนัก

วันนี้ (11 ธ.ค.68) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีดำ อ.2828/2562 ที่ "อีฟ แม็กซิม" อดีตรองมิสแม็กซิมไทยแลนด์ 2008 และเป็นอดีตภรรยานายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดังเป็นโจทก์ฟ้อง นางวิภากร ศุขพิมาย หรือ "กานต์" ภรรยาเสก โลโซ , บริษัท ลัสเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และนายรัฐนนท์ เจียงวิเชียร นักแต่งเพลง เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ

กรณีเมื่อวันที่ 12 ต.ค.62 จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือเมื่อวันที่ 12 ต.ค.62 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยที่ 1 ได้นำเพลงที่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้แต่ง เปิดในการที่จำเลยที่ 1 แพร่ภาพสด (Live) หรือถ่ายวิดีโอทางโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยที่ 1 ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook) ในชื่อว่า Wiphakorn Karn ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ โดยลักษณะเนื้อเพลงดังกล่าวเป็นการกล่าวหาโจทก์ในลักษณะลดคุณค่าโจทก์ และบุคคลทั่วไปที่พบเห็นเข้าใจว่าโจทก์คือคนไม่ดี ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เหตุตามฟ้อง เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักร เกี่ยวเนื่องกัน

ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

คดีนี้ศาลชั้นต้น เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงพิพากษาลงโทษจำคุก นางวิภากร จำเลยที่ 1 รวม 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2 บริษัท ลัสเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ปรับเงิน 50,000 บาท และนายรัฐนนท์ จำเลยที่ 3 จำคุก 6 เดือน ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท พวกจำเลยยื่นอุทธรณ์

ต่อมา ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของฝ่ายจำเลยมีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ อุทธรณ์พวกจำเลยฟังขึ้น ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษพวกจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับยกฟ้อง โจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและปรึกษากันแล้วเห็นว่า แม้เนื้อหาเพลงที่นางวิภากร จำเลยที่ 1 เปิดทางสื่อออนไลน์จะทำให้ผู้รับฟังสามารถเชื่อมโยงได้ว่า เกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่พอใจระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 แต่การกระทำและถ้อยคำที่จำเลยที่ 1 พูดในเพลงไม่ถึงขนาดเป็นการใส่ความโจทก์ เป็นเพียงการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควรเท่านั้น จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และไม่จำต้องวินิจฉัยการกระทำของจำเลยที่ 2-3 ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังนางวิภากร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ ตนรู้สึกว่ายุติธรรมแล้ว และขอขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา สิ่งที่ถูกฟ้องเกิดจากเพลงที่ตนเปิดให้ผู้สื่อข่าวฟัง มันไม่มีอะไรเลย สิ่งที่ตนทำไปอาจจะเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ตนทราบอีกว่าคู่กรณีของตนได้ฟ้องที่ศาลอาญามีนบุรีอีกด้วย ซึ่งจะอิงตามผลของศาลฎีกานี้ หากศาลฎีกายกฟ้อง คู่กรณีก็จะไปยื่นถอนคดีที่อีกศาลเช่นกัน

เมื่อถามถึง กรณีของนายเสกสรรค์ หรือ เสก โลโซ ที่มีการส่งจดหมายออกมาจากเรือนจำ เพื่อขอยุติการทำงานภายนอก นางวิภากร กล่าวว่า ตัวของนายเสกสรรค์ มีความเครียดอย่างมาก ประกอบกับมีโรคประจำตัวที่ร้ายแรงอย่างไบโพล่า และโรคซึมเศร้า คนที่อยู่ข้างในไม่สบายอย่างแน่นอน โดยทางบ้านมีความกังวลใจ เนื่องจากมีตัวอย่างนักโทษที่มีอาการคล้ายกัน ได้ทำร้ายตัวเอง ซึ่งขณะอยู่ภายในเรือนจำนายเสกสรร ได้ทำกิจกรรมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และทำประโยชน์ในการสอนดนตรี และสอนหนังสือให้ผู้ต้องขังคนอื่นวันละ 6 ชั่วโมง รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ จนทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอและมีความเครียด รวมถึงเรื่องกีฬาซีเกมส์ที่จะนำตัวนายเสกสรรไปเล่นในพิธีเปิดในนามผู้ต้องขังหรือตัวแทนของราชทัณฑ์ ซึ่งตัวของนายเสกสรรไม่ต้องการทำแบบนั้น แต่ต้องการออกไปในนามของเสก โลโซมากกว่า

นางวิภากร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีร้องเพลงกับนายเสกสรรค์นั้นตนยังไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่ได้เข้าเยี่ยมมานานกว่า 10 วันแล้ว และการเข้าเยี่ยมแต่ละครั้ง มีความยากลำบากกว่าเดิม หลังมีข่าวเรื่องของกลุ่มจีนเทา ทำให้ราชทัณฑ์เข้มงวดกับเรื่องการเยี่ยมญาติมากกว่าเดิม และขอยืนยันว่าเวลาที่ตนเข้าเยี่ยมก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใดๆ ตอนนี้ตนเป็นห่วง เพราะนายเสกสรรค์ทำงานหนักมาก ทางราชทัณฑ์ต้องการอะไรก็สั่งนายเสกสรรค์เหมือนเป็นคนใช้ ซึ่งกังวลในเรื่องของการเพิ่มโทษหรือสิทธิ์ในการลดโทษ และช่วงหลังมีอาการเครียดจนทานอาหารได้น้อยลง และกักตัวอยู่ในห้องขัง เนื่องจากราชทัณฑ์ไม่อนุญาตให้ลูกหรือทีมงานเข้าเยี่ยม รวมถึงเป็นห่วงคดีของตนในวันนี้ เพราะกลัวว่าจะติดคุกทั้งพ่อทั้งแม่จนไม่มีใครดูแลลูกและญาติคนอื่น อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้กล่าวล่วงเกินราชทัณฑ์หรือเจ้าหน้าที่ แต่อยากฝากไปว่าต้องปรับปรุงการดูแลผู้ต้องขังภายในเรือนจำ

ทั้งนี้ อยากฝากขอบคุณแฟนคลับของนายเสกสรรค์ไม่เคยรังเกียจที่เจ้าตัวกลายเป็นผู้ต้องขัง ต้องไปอยู่ภายในเรือนจำ แฟนคลับทุกคนคือกำลังใจสำคัญที่ทำให้นายเสกสรรค์มีแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตต่อ ตนได้นำข้อความความคิดถึงไปบอกเจ้าตัว และหลังจากนี้ก็จะหาเวลาไปบอกผลคดีของตนในวันนี้ รวมถึงกำลังใจจากแฟนคลับภายนอกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง