เช้านี้ที่หมอชิต - อีกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลายฝ่ายจับตามองว่าสหรัฐฯ จะโทรศัพท์พูดคุยกับ "นายกรัฐมนตรี" ของทั้ง 2 ประเทศ เมื่อใด เพราะน่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สถานการณ์สู้รบยุติ
เพราะล่าสุด "นายกฯ อนุทิน" ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะโทรมาคุย
"นายกฯ อนุทิน" ย้ำชัดว่าหากโทรศัพท์มาหา ก็จะอธิบายอย่างละเอียดให้เข้าใจถึงพัฒนาการของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมยืนยันจุดยืนของไทยที่ต้องรักษาอธิปไตย รักษาประชาชน รักษาดุลยภาพแห่งดินแดน และรักษาศักดิ์ศรีของคนไทย
ส่วนการพูดคุยกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย นั้น "นายกฯ อนุทิน" ยืนยันว่าได้พูดคุยแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า
ด้าน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบ "นายกฯ อนุทิน" บนตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินการต่าง ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที
มีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับการติดต่อจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ เสนอตัวเข้ามาเจรจาให้ทั้ง 2 ประเทศ หยุดยิง ว่า ควรมีการหารือทั้งฝ่ายสภาฯ และรัฐบาลในการเสนอแนะแนวทาง แต่สิ่งสำคัญต้องทำให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีความชอบธรรมในเรื่องนี้
เช่นเดียวกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการการทหาร แนะนำว่า ไม่ใช่แค่การชี้แจงต่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เท่านั้น แต่ต้องชี้แจงกับนานาอารยประเทศว่าเหตุใดไทยถึงต้องทำลายเป้าหมาย พวกอาคารสแกมเมอร์ที่เป็นแหล่งซุกซ่อนอาวุธอีกด้วย
ด้าน รองศาสตราจารย์ ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "สหรัฐฯ จะแทรกแซงเราอีก - ไทยกัมพูชาเหลือเวลารบกันอีกเท่าไร?"
ใจความสำคัญ คือ ก่อนที่ประเทศมหาอำนาจ และนานาชาติทั้งหลายจะยกระดับเข้าแทรกแซงการสู้รบ ไทยกับกัมพูชาเหลือเวลาไม่มาก อาจเป็นวันหรือสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งสงครามครั้งนี้ถือว่าใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ในรอบ 75 ปี
อย่างไรก็ตาม มองว่าหากมีการแทรกแซงจากมหาอำนาจ หมายถึงสหรัฐฯ และ จีน และนานาชาติมากขึ้นแล้วล้มเหลว ก็จะทำให้สถานการณ์ที่รุนแรงอยู่แล้ว บานปลายกลายเป็นสงครามตัวแทน ที่อยู่เหนือการควบคุมของทุกฝ่ายได้ไม่ยาก
แต่หากสหรัฐฯ และจีน ประสบความสำเร็จในการแทรกแซงทำให้สงครามยุติลงได้ ทั้งไทยและกัมพูชาต้องแสดงความยินดี เพราะทั้ง 2 ประเทศ มีส่วนสำคัญให้การสู้รบสงบลง และที่สำคัญ คือ การแทรกแซงดังกล่าวยังเป็นการรักษาหน้าตา หาทางลงให้กับฝ่ายการเมืองของไทยและกัมพูชา
ส่วนการสู้รบจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาภาษีสหรัฐฯ หรือไม่
เมื่อวาน (11 ธ.ค.) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบชัดเจนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของไทย-กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลดูแลประชาชนตามหลักการที่ถูกต้อง หากสหรัฐฯ จะนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงถือเป็นสิทธิของเขา แต่ไทยเห็นว่าควรแยกประเด็นให้ชัดเจน