ภราดร ยัน ภท. ไม่ได้หักหลัง ปชน. - ไม่อยู่ใน MOA บอก ถ้ายืนตามกมธ.เสียงข้างมากจะไม่ได้เสียงจาก สว.

ภราดร ยัน ภท. ไม่ได้หักหลัง ปชน. - ไม่อยู่ใน MOA บอก ถ้ายืนตามกมธ.เสียงข้างมากจะไม่ได้เสียงจาก สว.

View icon 54
วันที่ 12 ธ.ค. 2568 | 07.57 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“ภราดร” ยัน ภท. ไม่ได้หักหลัง ปชน. - ไม่อยู่ใน MOA บอก ถ้ายืนตามกมธ.เสียงข้างมากจะไม่ได้เสียงจาก สว. รับ เนื้อหาอาจไม่ถูกใจ แต่เราดูที่ปลายทางสัญญาว่าจะพยายามแก้ไข รธน.ให้สำเร็จ บอก รัฐบาลรักษาการทำงานได้เหมือนรัฐบาลปกติ ไร้ปัญหาภัยสงคราม-ภัยพิบัติ ส่วน “คนละครึ่ง พลัส” ชี้ ต้องหยุดไว้ก่อน

12 ธันวาคม 2568 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ในที่ประชุมสภา เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) จะทำให้พรรคภูมิใจไทย ถูกมองว่าไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่าถ้าย้อนไปดูดี ๆ พรรคที่มีความจริงใจที่สุดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเองว่าไม่น่าจะเกินเลยกว่าพรรคของพวกตน ซึ่งตนได้เคยอภิปรายไว้ ตั้งแต่วาระแรกว่า เราจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประสบความสำเร็จให้ได้ อะไรที่เป็นอุปสรรคและดูแล้วว่าไม่สามารถที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ หรือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลงได้ เราจะพยายามปลดชนวนตรงนั้นออกทั้งหมด

ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าหลายเรื่องที่อยู่ในร่างของพรรคภูมิใจไทยก็ยอมถอยออกในชั้นกรรมาธิการ เช่นเดียวกับการลงมติของพรรคภูมิใจไทย เมื่อวานนี้ ในมาตรา 256/28 ที่เป็นการแข่งกันระหว่างร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมาก และคำแปรญัตติของ สว. ซึ่ง สว.พูดว่าหากเรื่องนี้ สว.แพ้ในชั้นวาระที่ 2   ในวาระที่ 3 สว.ก็ไม่โหวตให้ เราจึงรู้ว่าถ้าเรายืนตามในเสียงข้างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นในวาระที่3 คือจะไม่ได้เสียงจากสว. ถึง 67 เสียงอย่างแน่นอน ดังนั้นพรรคภูมิใจไทยจึงต้องตัดสินใจ ซึ่ง ไม่ใช่การตัดสินใจจากเนื้อหาสาระของตัวร่าง

ทั้งนี้ เรารู้ว่าบางครั้งเนื้อหาในร่างอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจ แต่เราดูที่ปลายทาง คือ เราสัญญาว่า จะพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ดังนั้น ถ้ารู้ว่าหากทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ววาระ 3 เดินไม่ได้ เราก็เลือกในสิ่งที่จะทำให้เดินต่อไปได้ในวาระที่ 3  จึงจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจไปลงมติในวาระที่ 2 ตามการสงวนความเห็นของ สว. ซึ่งจะเห็นว่าทันทีที่เปิดประชุมในสมัยสามัญในวันที่ 10 ธันวาคม ตนเองเป็นคนที่ลุกขึ้นหารือกับประธานสภาฯ เพื่อที่จะแจ้งประธานว่า ตนจะเสนอญัตติด่วนเป็นเอกสารวาระ ให้ประธานบรรจุไว้ในระเบียบวาระเรื่องของการทำประชามติ คำถามที่1 เรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อนหน้านี้ในการประชุมครม.ในวันอังคารที่ผ่านมา มีความพยายามที่จะนำเรื่องประชามติคำถามที่ 1 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีมติ แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นการริเริ่มทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ควรที่จะต้องเริ่มจากรัฐสภา จึงไม่สามารถเอาเข้าที่ประชุมครม.วันนั้นได้ จึงจำเป็นต้องเสนอญัตติด่วนในสภา ดังนั้นสองเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเรามีความจริงใจกับการเดินตาม MOA ที่ได้สัญญากับพรรคประชาชนและสัญญากับประชาชนไว้

ส่วนมีการมองว่าเรื่องนี้เป็นแผนของพรรคภูมิใจไทยที่ต้องการจะหักหลังพรรคประชาชนตั้งแต่แรก นายภราดร กล่าวว่า ไม่  เงื่อนไขนี้ไม่ได้อยู่ใน MOA ลองไปอ่าน MOA ทั้ง 5 ข้อดู มันไม่มีเงื่อนไขใดที่ระบุลงไป ในเนื้อหาสาระต้องเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งอย่างที่ตนบอกว่าเราจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ฉะนั้นอะไรที่เป็นอุปสรรคกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราต้องถอดออกทั้งหมด ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่เป็นอุปสรรค เราพยายามที่จะเดินหน้าให้ทำสำเน็จในวาระที่ 3 ได้

เมื่อถามว่า เราจะสามารถบอกประชาชนได้ใช่หรือไม่ว่า ในขณะที่ชายแดนมีการสู้รบ แต่ในทางการเมืองก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ นายภราดร ระบุว่า ในเรื่องภัยต่างๆ รัฐบาลก็ยังคงรักษาการอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ สิ่งใดที่กำลังดำเนินการค้างอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องภัยสงคราม และ ในเรื่องภัยพิบัติ รัฐบาลสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้เหมือนรัฐบาลปกติ

สำหรับ “โครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2” จะต้อง ถูกหยุดโครงการไปก่อน เนื่องจากไม่สามารถนำงบประมาณมาใช้ในช่วงนี้ได้ใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนเอง คิดว่าจะต้องหยุดไว้ก่อน เพราะด้วยข้อจำกัดตัวกฎหมายเลือกตั้งไม่สามารถที่จะทำได้ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดำเนินการและประชาสัมพันธ์ไปแล้ว ขณะเดียวกัน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็อยากจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่จะถึงนี้ แต่ก็ประกาศยุบสภาเสียก่อน