อาลัย "จ่าเจ" เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว หลังทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ปกป้องชายแดนสระแก้ว ภรรยาเผยสามีเป็นคนรักชาติมาก ฝันอยากมีลูกด้วยกัน แต่คงไม่มีวันนั้นแล้ว
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 68 หน่วยทหารได้อำนวยการเคลื่อนย้ายร่างของ จ.ส.อ. วุธจักร โททอง หรือ จ่าเจ สังกัดกองพันทหารม้าที่ 25 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ กลับมายังบ้านเกิดที่ บ้านกระโพธิ์ ตำบลตูม อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ และมีพิธีอัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทานให้แก่ จ.ส.อ.วุธจักร โททอง ท่ามกลางความอาลัยของครอบครัว เพื่อนทหาร และประชาชนในพื้นที่ หลังเสียชีวิตด้วยอาการโรคประจำตัวกำเริบ หลังปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการป้องกันชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วมาอย่างต่อเนื่องด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเท
ทั้งนี้ จ.ส.อ. วุธจักร หรือ จ่าเจ ได้เป็นส่วนหนึ่งและร่วมภารกิจปกป้องอธิปไตยชายแดน ด้านจังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่ในห้วงเวลาที่ผ่านมา แต่ จ่าเจ ปฏิบัติหน้าที่จนหนักจนมีอาการโรคประจำตัวกำเริบ ก่อนจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในพื้นที่ ตั้งแต่ 16 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา และส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรุงเทพมหานคร ในเวลาต่อมา จนมีอาการทรุดหนักและเสียชีวิต เมื่อ 11 ธ.ค. 68 โดยวันนี้ (12 ธ.ค. 68) ก็มีการนำร่าง จ่าเจ กลับมาบ้านเกิด
นางสาวนันท์สินี โททอง อายุ 30 ปี ภรรยาของจ่าเจ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนกับจ่าเจคบหาดูใจกันมาประมาณ 10 ปี และแต่งงานกันได้ราว 1 ปีเศษ ก่อนที่จ่าเจจะเสียชีวิต เขามีอาการโรคประจำตัวกำเริบ แม้แพทย์และเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง แต่อาการก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนจ่าเจจากไปในที่สุด
โดยจ่าเจเป็นคนรักอาชีพทหารอย่างยิ่ง เป็นคนมุ่งมั่น ชอบลุยงานภาคสนาม และภูมิใจในการออกปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติ ซึ่งตั้งแต่เกิดสถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนที่ผ่านมา ตนเองก็อดหวั่นกลัวไม่ได้ว่าจะเกิดเหตุร้ายกับเขา และท้ายที่สุดก็เกิดขึ้นจริงตามที่กังวล
แต่ตลอดช่วงที่จ่าเจรักษาตัวในโรงพยาบาล ตนไปดูแลและเฝ้าอยู่ทุกวัน คอยให้กำลังใจจนวินาทีสุดท้าย โดยทั้งคู่มีความฝันร่วมกันว่า หลังเหตุการณ์ชายแดนสงบลง ปีหน้าอยากจะมีลูกด้วยกัน และตั้งใจจะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้าน พร้อมวางแผนเปิดร้านขายของเล็ก ๆ เป็นกิจการร่วมกัน