“ทรัมป์” เปิดผลการพูดคุย “อนุทิน-ฮุน มาเนต” ลั่น! “ไทย-กัมพูชา” หยุดยิงทันทีมีผลวันนี้ “อันวาร์” จ่อเชิญประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในอาเซียน ร่วมหารือลดความเครียดดังกล่าว
ค่ำวานนี้ (12 ธ.ค.68) เวลา 21.20 น. ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟังการสนทนาด้วย ก่อนเปิดเผยภายหลังการหารือ ดังนี้
.
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์มีความเป็นห่วงในสถานการณ์และอยากจะให้ทุกอย่างกลับไปที่ปฏิญญา (Joint Declaration) ที่ได้ลงนามกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยัน กับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อยู่ในปฏิญญามาตลอด ไม่เคยออกนอกเงื่อนไข แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิด โดยทำให้ฝ่ายไทยสูญเสียอวัยวะ ชีวิต ทรัพย์สิน ทำให้ไทยจำเป็นจะต้องตอบโต้เพื่อป้องกันอธิปไตย ดินแดน ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนชาวไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อธิบายย้ำกับประธานาธิบดีทรัมป์ในเหตุผลดังกล่าว เพื่อให้เข้าใจชัดเจนว่าไทยมิได้เป็นฝ่ายรุกราน แต่สิ่งที่ไทยทำคือการตอบโต้เท่านั้น
.
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้มีการหยุดยิง ซึ่งได้เรียนว่า ขอให้ไปบอกฝ่ายกัมพูชาดีกว่า โดยกัมพูชาต้องออกมาบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง แล้วจะถอนกำลังออกไป รวมถึงเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางเอาไว้ออกไปให้หมด ซึ่งทุ่นระเบิดใหม่ที่กัมพูชาวางไว้เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยได้รับการยืนยันจาก AOT เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งวาง มีความชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดปฏิญญา ดังนั้น ฝ่ายที่ละเมิดต้องเป็นฝ่ายที่แก้ไข ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกกระทำต้องเป็นฝ่ายแก้ไข
.
สำหรับประเด็นเรื่องอัตราภาษีศุลกากร ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัญญาว่าจะให้ประเทศไทยได้รับอัตราภาษีที่ดีกว่าประเทศอื่น โดยรอบก่อน ประธานาธิบดีทรัมป์มีภารกิจมาก อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายถามถึงประเด็นนี้ขึ้นมา และไม่ได้มีท่าทีกดดัน หรือจะนำมาผูกกับประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี โดยไทยจะทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถึงเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ ประเด็นที่ได้พูดคุยในครั้งนี้ก็จะหยิบยกขึ้นมาด้วย
.
“ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ แต่รัฐบาลก็ต้องไม่ยอมให้ใครมาละเมิดเรื่องอธิปไตย ดินแดน และความปลอดภัยของประชาชน หากยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะไม่ยอมให้ประชาชนถูกกลั่นแกล้ง ละเมิด หรือถูกลอบยิงจากฝ่ายตรงข้ามโดยเด็ดขาด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้าน “ฮุน มาเนต” ผู้นำกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ ผู้นำมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ถึงการหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ได้เสนอแนะต่อผู้นำทั้งสองว่า ให้กองทัพหรือหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย รวบรวมข้อมูล เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาของการปะทะรอบใหม่ รวมถึงในอีก 24 ชั่วโมงต่อมา เพื่อตรวจสอบว่าฝ่ ายใดเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน นี่อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และโปร่งใสที่สุดในการตรวจสอบเหตุการณ์ ซึ่งกัมพูชาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในทุกวิถีทางที่จำเป็น
ขณะที่ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เปิดเผยผลการพูดคุยกับผู้นำไทยและกัมพูชาผ่านทางโทรศัพท์ ว่า ได้พูดคุยทั้งผู้นำไทย และ กัมพูชาแล้ว ทั้งสองตกลงที่จะหยุดยิงทั้งหมดในช่วงเย็นวันนี้ (ตรงกับเช้าวันที่ 13 ธ.ค.68 ของไทย) แล ะกลับไปยึดแนวปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพฉบับเดิม ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา
.
สำหรับเหตุเหยียบทุ่นระเบิด ซึ่งทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น เป็นอุบัติเหตุ แต่ประเทศไทยกลับตอบโต้อย่างแข็งกร้าว
.
ทั้งสองประเทศพร้อมสำหรับแนวทางสันติภาพ และ ความร่วมมือทางการค้าอย่างต่อเนื่องกับสหรัฐอเมริกา พร้อมขอบคุณทุกความร่วมมือ ที่สนับสนุนการแก้ไขสถานการณ์ครั้งนี้
.
ส่วนนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ เปิดเผยหลังการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช่นกันว่า บทบาทของมาเลเซีย คือ การเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ ใช้ความยับยั้งชั่งใจ กลับสู่การเจรจาผ่านช่องทางทวิภาคี และกลไกของอาเซียน
.
มาเลเซีย ยังคงพร้อมที่จะสนับสนุนความพยายามในการลดความตึงเครียด ปกป้องพลเรือน และช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพในภูมิภาค สอดคล้องกับจิตวิญญาณแห่งความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของอาเซียน
.
ในฐานะประธานอาเซียน มาเลเซียจะเรียกประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนพิเศษในเร็ว ๆ นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์และสนับสนุนมาตรการลดความตึงเครียด