สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แจงนานาชาติ การเรียกร้องหยุดยิงใด ๆ ต้องดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ เขมรการกระทำกับคำพูด สวนทางกันเสมอ ไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรง แต่จะไม่ยินยอมให้ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ ตกอยู่ในภาวะอันตราย
วันนี้ (14 ธ.ค.68) พลอากาศเอก ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนไทยและนานาชาติ ดังนี้
ประการแรก ผมขอย้ำตามที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่า ข้อตกลงหยุดยิงใด ๆ จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ไทยและกัมพูชาจะต้องเห็นพ้องกัน และที่สำคัญต้องดูการกระทำของกัมพูชาว่ามีความจริงใจหรือไม่เพราะที่ผ่านมา กัมพูชามักมีคำพูดกับการกระทำที่สวนทางกันเสมอ โดยเหตุการณ์โจมตีพื้นที่พลเรือนไทยจากฝ่ายกัมพูชาที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 13 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา เป็นหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจและยังไม่พร้อมที่จะเดินหน้าในเส้นทางสันติภาพ ทั้งนี้ ไทยขอเน้นย้ำว่าการพิจารณาเรื่องการหยุดยิงจำเป็นต้องมีการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่เป็นสำคัญ
ประการที่สอง ไทยมีความจำเป็นต้องปกป้องตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้น ต่อชีวิตของพลเมืองไทยและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเรียกร้องให้มีการหยุดยิงใด ๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย
ประการที่สาม การดำเนินการของไทยเป็นไปตามสิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะตามมาตรา 51 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดถือหลักความจำเป็น ได้สัดส่วน และการคุ้มครองพลเรือนอย่างเคร่งครัด ซึ่งหลักการดังกล่าวได้รับการยืนยันอย่างต่อเนื่องโดยรัฐบาลของไทย
ประการที่สี่ ไทยยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในเอกภาพของการบังคับบัญชา การตัดสินใจด้านความมั่นคงแห่งชาติ และการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทยจำเป็นต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่ได้รับการยืนยันในพื้นที่ มิใช่จากการนำเสนอของคู่กรณีแต่เพียงฝ่ายเดียว
สุดท้ายนี้ ไทยขอย้ำว่า ไทยมิได้แสวงหาความขัดแย้งและมิได้เป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรงแต่จะไม่ยินยอมให้ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ของไทยตกอยู่ในภาวะอันตราย
ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในความจริง ความรับผิดชอบและความจริงใจ ซึ่งเป็นรากฐานของการลดความตึงเครียด เพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนต่อไป