ห้องข่าวภาคเที่ยง - เข้าสู่วันที่ 8 แนวรบในจังหวัดสระแก้ว ยังไม่มีท่าทีจะยุติ "กัมพูชา" ยังไม่หยุดยิง ชาวบ้านในหมู่บ้านกระสุนตก ยังใช้ชีวิตแบบเสี่ยง ๆ ส่วนคนไทยที่ตกค้างด่านชายแดน ก็ยังเดินทางข้ามแดนไม่ได้ เกิดเป็นกระแสกดดัน จน "สมเด็จฯ ฮุน เซน" ต้องออกมาโพสต์ใหม่ ว่ายังเดินทางทางอากาศได้
ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่จังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม จนถึงปัจจุบัน สรุปแล้วตอนนี้ทำลายกองบังคับการควบคุม 1 แห่ง, จุดตรวจการณ์ ฐานทหาร 11 แห่ง, บ่อนกาสิโน 1 แห่ง, บังเกอร์ 6 แห่ง, ที่ตั้งยุทโธปกรณ์ 1 แห่ง, ที่ตั้งยิงเครื่องยิงลูกระเบิด 4 แห่ง, พื้นที่ส่งกำลัง ที่รวมพล 2 แห่ง, คลังกระสุน 2 แห่ง, ยานเกราะ 3 คัน, โดรนตรวจการณ์ 4 ลำ, เสาสัญญาณสื่อสาร 4 ต้น คาดว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตประมาณ 300 นาย
ส่วนพื้นที่ 3 แนวรบโดยสรุป บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ยึดครองพื้นที่ตามแนวอ้างสิทธิ์ และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งยังคงต่อต้านด้วยการยิง BM-21, ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง ส่วนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา อยู่ระหว่างการเข้ายึดครองพื้นที่
ส่วนเหตุที่คนไทยไม่ได้ข้ามแดนตรงชายแดนบ้านคลองลึก ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองปอยเปต ก็ทำเอาชาวกัมพูชา หลอนกันไปเป็นแถว ๆ เมื่อได้ยินเสียงระเบิด เข้าใจว่า ไทยเปิดการโจมตีใส่ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว เป็นเพียงเหตุหม้อแปลงไฟฟ้า อาคารสูงแห่งหนึ่งในเมืองปอยเปตระเบิดเท่านั้น
จะเป็นเพราะความกังวลนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ทางการกัมพูชา ไม่อยากให้คนไทยข้ามแดน เพื่อเป็นเครื่องต่อรอง ไม่ให้ไทยเปิดฉากโจมตีง่าย ๆ แต่ที่แน่ ๆ การขัดขวางการเดินทางกลับประเทศ โฆษกกองทัพบก บอกว่า เข้าข่ายเป็นการควบคุมตัวพลเรือนโดยมิชอบ หรือมีลักษณะใกล้เคียงกับการจับตัวพลเรือนไปเป็นตัวประกัน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาจมีความผิดเข้าข่ายเป็นอาชญากรสงคราม ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ