สถานการณ์อาจรุนแรงขึ้น สธ. เผยคลังเลือดสำรองพอใช้ 1 สัปดาห์ ประชาชนยังสามารถบริจาคได้ คุมเข้มสุขอนามัยในศูนย์พักพิงฯ ป้องกันโรคระบาด
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (15 ธ.ค. 68) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงภาพรวมสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ยังปิดให้บริการเท่าเดิม 12 แห่ง รพ.สต. ปิดบริการสะสม 211 แห่ง ย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็น 742 ราย ส่วนการดูแลสุขภาพจิต มีการคัดกรองประชาชนไปแล้ว 130,605 ราย พบเครียดสูงสะสม 1,127 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 156 ราย คัดกรองบุคลากรทางการแพทย์ 4,675 ราย พบเครียดสูงสะสม 78 ราย ทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ และติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนศูนย์พักพิงมีการเปิดเพิ่มขึ้นรวม 996 จุด มีผู้เข้าพักรวม 261,137 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 69,487 คน มีการส่งต่อผู้พักพิงไปรักษาในโรงพยาบาลสะสม 633 ราย
“เรื่องเลือดสำรอง ขณะนี้มีพอใช้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ยังมีความต้องการเพื่อสำรองไว้รับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้น ซึ่งประชาชนสามารถบริจาคเพิ่มเติมได้ตลอด” นายพัฒนากล่าว
ด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังและควบคุมโรคเชิงรุกในศูนย์พักพิง พบมีรายงานการป่วยเป็นกลุ่มก้อน เช่น ไข้หวัดใหญ่ อุจจาระร่วง ในหลายพื้นที่ แต่อัตราป่วยยังไม่เกินเกณฑ์เฝ้าระวัง และทีมสอบสวนควบคุมโรคสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ขณะที่น้ำอุปโภคที่ใช้ในศูนย์พังพิง มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำและแนะนำให้เติมคลอรีนให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งแนะนำการคัดแยกขยะเพื่อนำไปกำจัดให้ถูกต้อง รักษาความสะอาดของห้องน้ำห้องส้วม และขอความร่วมมือประชาชนในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล