ทลายโรงไม้นายทุนจีน ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

ทลายโรงไม้นายทุนจีน ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

View icon 284
วันที่ 15 ธ.ค. 2568 | 18.57 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
DSI ร่วมกับกรมอุทยานฯ ทลายโรงไม้นายทุนจีน จ.หนองคาย ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติ มูลค่ากว่า 300 ล้าน ส่งออกจากประเทศ

วันนี้ (15 ธ.ค.68) นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วย ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล  รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม, นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ นายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมกันแถลงข่าวกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับกรมอุทยานฯ ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติในโกดังโรงไม้นายทุนจีน จังหวัดหนองคาย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับการแจ้งเบาะแสว่า มีการลักลอบตัดไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติในเขตภาคเหนือ อธิบดีดีเอสไอ จึงสั่งการให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ทำการสืบสวนเป็นเลขสืบสวนที่ 114/2568 โดยเจ้าหน้าที่กองกิจการอำนวยความยุติธรรมได้สืบสวนร่วมกับเจ้าหน้ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบว่ามีรถบรรทุกสิบล้อดำเนินการขนไม้เถื่อนผิดกฎหมาย จากการลักลอบตัดจากพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในจังหวัดเชียงใหม่ แพร่ ลำปาง และจังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือ ส่งเข้ามายังโกดังของบริษัทเอกชน 2 แห่ง ในอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ซึ่งทั้งสองบริษัทตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน

เมื่อรถบรรทุกขนส่งไม้ดังกล่าวมาถึงจะทำการแปรรูปไม้โดยทันที และออกเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายไม้ และส่งออกไม้ดังกล่าวไปยังต่างประเทศ โดยมีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามารับไม้ภายในโกดังและนำส่งต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และไม้บางส่วนจะถูกขนส่งต่อไปยังโกดังในจังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 นำหมายค้นของศาลจังหวัดหนองคาย เลขที่ ค193/2568 และเลขที่ ค194/2568 ลงวันที่ 13 ธ.ค.68 เข้าทำการตรวจค้นโกดังของทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว

จากการตรวจค้นบริษัทแห่งแรกพบ น.ส.กัญญาณัฐ และนายอาทิตย์ ทั้งสองเป็นคนบริหารจัดการภายในบริษัท ดำเนินกิจการรับซื้อแปรรูปไม้และส่งออกมาแล้วเป็นเวลาประมาณ 1 ปี อยู่ระหว่างขออนุญาตโรงงานแปรรูปไม้ด้วยแรงคน และจากการตรวจค้นบริษัทแห่งที่สอง พบชาวจีน 1 คน, ชาวเวียดนาม 2 คน และชาวลาว 8 คน มีนายอู้ อู่เผิง เป็นเจ้าของโกดัง และเป็นคนดำเนินงานภายในโกดังทั้งหมด โดยบริษัทแห่งแรกเป็นผู้จัดทำเอกสารและดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกให้ นอกจากนี้คณะพนักงานสืบสวนฯ ได้บูรณาการร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ทำการสกัดจับรถบรรทุกหัวลากพร้อมตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นไม้ที่เคลื่อนย้ายออกจากโกดังของบริษัทฯ ดังกล่าวในคืนวันที่ 12 ธ.ค.68 จากการเปิดตู้พบไม้ประดู่แปรรูปจำนวนมาก จึงได้ทำการควบคุมผู้ขับขี่และรถนำกลับมาที่โกดัง

ซึ่งจากการตรวจนับและจัดทำรายละเอียดบัญชีไม้ของกลาง พบว่ามีไม้จำนวนประมาณ 350 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท และจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่ากลุ่มขบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีการลักลอบนำไม้หวงห้ามส่งออกไปยังต่างประเทศมาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 4,000 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง