เช้านี้ที่หมอชิต - วันที่ 8 ของการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ และที่สำคัญต้องบอกว่า กัมพูชา เป็นฝ่ายระดมยิงอาวุธหนักโจมตีเข้าใส่พื้นที่ 3 จังหวัดในภาคอีสานตอนล่าง
พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดมยิงอาวุธหนัก โจมตีเข้ามาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี, สุรินทร์ และศรีสะเกษ ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้
ซึ่งในพื้นที่อำเภอขุนหาญ และ ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เพราะมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา เพื่อนำตัวไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือศูนย์พักพิงชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม มีข่าวดี คือในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ตัวปราสาทตาควายได้เบ็ดเสร็จแล้ว
อีกประเด็นร้อนที่น่าสนใจ คือ กรณี "นักรบรับจ้าง" ซึ่ง พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า หากพบพฤติการณ์บุคคลที่เข้าข่ายเสี่ยงจะดำเนินการปฏิเสธการเข้าเมืองทันที
และมีชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงที่ประเมินว่าอาจเกี่ยวข้องกับ "นักรบรับจ้าง" ถูกปฏิเสธการเข้าไทยแล้ว 128 คน
ส่วนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ต้องบอกว่าดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะกองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 เข้าโจมตีทางอากาศเป้าหมายทางทหาร ซึ่งพบว่าเป็นคลังอาวุธ และกระสุนของฝ่ายกัมพูชา ที่บริเวณบ้านทมอเชิน ซึ่งอยู่ตรงข้าม อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว
ส่วนความคืบหน้าคนไทยที่ติดอยู่ฝั่งกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมทำหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อประท้วงกัมพูชาที่ระงับการเดินทางกลับประเทศทางบกของคนไทย โดยกระทำดังกล่าวอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวา เพราะพลเรือนต้องได้รับการคุ้มครอง มีสิทธิออกจากพื้นที่สู้รบ
สำหรับทหารที่พลีชีพในการสู้รบครั้งนี้ มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเป็น 17 นาย ซึ่งในภาพรวม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า รัฐบาลแสดงความเสียใจกับครอบครัวทหารผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งขอสดุดี และแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตทุกนาย