ควบคุมตัวชายชาวต่างชาติต้องสงสัย

View icon 129
วันที่ 17 ธ.ค. 2568 | 06.01 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - พลเมืองดี แจ้งตำรวจว่าพบชายชาวต่างชาติ กำลังเดินถ่ายภาพสนามบินทหาร จึงเข้าไปทำการตรวจสอบ

เป็นภาพขณะตำรวจเข้าตรวจสอบชายชาวต่างชาติ ต้องสงสัย หลังมีประชาชน พบว่ากำลังเดินถ่ายภาพสนามบินทหาร บริเวณทิศใต้ของสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุรินทร์ โดยพลเมืองดีที่แจ้งบอกว่า ขณะกำลังออกกำลังกาย สังเกตเห็นพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวไม่ปกติ เพราะมีการเดินหามุมถ่าย ไปรอบ ๆ สนามบิน และการแต่งกายของชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว ยังสวมหมวกสีเขียวทหาร เสื้อแขนยาวใส่แว่นกันแดดสีดำ ท่าทางมีพิรุธ 

และขณะตำรวจเข้าตรวจสอบชายคนดังกล่าว พยายามบ่ายเบี่ยง ไม่ให้เจ้าหน้าที่จับต้องโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่จึงต้องเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองสุรินทร์

โดยมี พลตำรวจตรี สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ร่วมสอบปากคำร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, ตชด. และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทราบชื่อคือ นายไบรอัน อายุ 46 ปี เป็นชาวรัฐนิวเจอร์ซี่ สหรัฐอเมริกา เบื้องต้นให้การว่า เข้าประเทศไทยมาเพียงลำพัง โดยเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุรินทร์ โดยเข้ามาท่องเที่ยว ทั้งกรุงเทพ ลพบุรี เพชรบุรี แพร่ เลย ขอนแก่น โคราช แล้วมาสุรินทร์ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ

และจากการตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้าประเทศ พบว่าที่ผ่านมา นายไบรอัน เดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้ว 9 ครั้ง ครั้งล่าสุด เข้ามาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จึงได้ควบคุมตัวไว้ก่อน โดยอยู่ระหว่างประสานสถานทูตอเมริกา ไปร่วมสอบสวน

ส่วนกรณีที่มีการควบคุมตัว หญิงชาวกัมพูชา อายุ 18 ปี และครอบครัว ประกอบด้วย พ่อแม่ และเด็กทารกอายุ 6 เดือน ที่บ้านพักในพื้นที่อำเภอเมืองฯ จังหวัดตราด เพราะหญิงคนดังกล่าว ซึ่งแต่งงานกับ ตชด.ของกัมพูชา และอาจมีการส่งข้อมูลด้านความมั่นคงให้กับสามี

จากการสอบปากคำ หญิงคนดังกล่าว ยอมรับว่าแต่งงานและมีลูกกับสามี ซึ่งเป็น ตชด. ของกัมพูชาจริง ที่ผ่านมาไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากมีสถานการณ์จะสู้รบเกิดขึ้น ก็ไม่ได้มาพบกันอีก ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสายลับ หรือนำข้อมูลจากทางการทางแจ้งไปทางฝั่งกัมพูชา

และพบว่า ครอบครัวนี้เข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยนานกว่า 10 ปี จริง และเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งฝ่ายทหารและตำรวจมีความเห็นร่วมกัน ให้กักตัวชาวกัมพูชาครอบครัวนี้ไว้ในเคหสถาน โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดูแล ในช่วงที่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากโทรศัพท์มือถือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง