เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานมีทั้งการประชุม สมช. รวมถึง ครม. ซึ่งมีมติออกมามากมาย ซึ่งเมื่อวานคณะรัฐมนตรี อนุมัติงบกลาง 2,400 ล้านบาท ให้กองทัพสู้ศึกชายแดน ส่วนสถานการณ์ ณ ปัจจุบันที่หลายฝ่ายมองว่านานาชาติ หรือ โลกกำลังล้อมไทย หรือกดดันไทยให้มีการหยุดยิงนั้น ท่าทีของไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ?
เป็นการให้สัมภาษณ์ของ "นายกฯ อนุทิน" หลังประชุม สมช. เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ซึ่งได้ย้ำชัดถึงจุดยืนว่าไม่มีใครมากดดันประเทศไทยได้ในการสู้รบครั้งนี้ และหากจะให้มีการหยุดยิง หรือเปิดโต๊ะเจรจา ก็ย้ำชัดเจนว่า กัมพูชาต้องมาพูดคุยกับเราก่อน และ "นายกฯ อนุทิน" อยากให้สื่อฯ ลองไปดูคลิปที่กัมพูชายิง BM-21 มายังฝั่งไทยก็จะเห็นได้ว่าใครรุกรานใครก่อน
สำหรับการประชุม สมช. เมื่อวาน "นายกฯ อนุทิน" นั่งหัวโต๊ะ และมีการพูดคุยหลายเรื่อง ทั้งเรื่องรถขนน้ำมันผ่านช่องเม็กข้ามไปยัง สปป.ลาว ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าจะข้ามไปยังฝั่งกัมพูชาหรือไม่ รวมไปถึงกรณีอื่น ๆ
โดย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ บอกว่า ที่ประชุมฯ มีมติให้ "ศรชล." เป็นหน่วยหลักรับผิดชอบการสกัดน้ำมันและยุทธปัจจัยทางทะเลกับเรือสัญชาติไทย ตั้งแต่การแจ้งเตือนเรือไทยที่จะเข้าในพื้นที่เสี่ยง ประสานกรมเจ้าท่าตรวจสอบเรือสัญชาติไทย ขนส่งสินค้าที่จะเอื้อต่อการทำสงคราม รวมถึงที่หมายปลายทางของสินค้า
โดยสินค้ายุทธภัณฑ์ หรือยุทธปัจจัยต่าง ๆ ให้กระทรวงกลาโหมกำหนดสินค้าควบคุมในการส่งไปกัมพูชา โดยยึด พ.ร.ก.ควบคุมสินค้าชายแดน พ.ศ.2524
ส่วนกรณีรถขนส่งน้ำมันที่จอดบริเวณช่องเม็ก ได้รับการยืนยันจากกระทรวงพลังงานว่า ไม่มีการส่งออกจากไทยไปกัมพูชา แต่ส่งไป สปป.ลาว เพื่อใช้หมุนเวียนในประเทศ และประกอบธุรกิจ
นอกจากนี้ เลขาธิการ สมช. ยังให้กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือคนไทยตกค้างในปอยเปต ประเทศกัมพูชา ประมาณ 3-4 พันคน กลับประเทศอาจเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์ โดยยืมเงินตามระบบกระทรวงการคลังในการซื้อตั๋วเครื่องบินกลับจากเสียมราฐ
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบอนุมัติงบกลางตามคำขอของกระทรวงกลาโหมขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายปี 2569 เพิ่มเติมจำนวน 2,444 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรองรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านตะวันออก ซึ่งเป็นการขอมาจากกองทัพบก และกองทัพเรือ
ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยงบดังกล่าวจะใช้ในการดูแลขวัญกำลังใจกำลังพลกองทัพ เพื่อให้รับมืออริราชศัตรูได้ในยามฉุกเฉิน
