ห้องข่าวภาคเที่ยง - ช่วงแรกที่มีข่าวเกี่ยวกับการบุกยึดอาวุธของทหารกัมพูชาได้ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ว่าเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ของจีน ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี แต่พอผ่านมาได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าที่ยึดได้ ไม่น่าใช่ของรุ่นใหม่ขนาดนั้น
ต้องยอมรับว่า ช่วงแรกของการนำเสนอข้อมูลนี้ สื่อหลายสำนักโฟกัสกันแค่เรื่องที่ทหารไทย สามารถยึดอาวุธของ ทหารกัมพูชา ได้จากแนวรับ เนิน 677 ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี และมีข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงที่ ยืนยันว่า คือ เครื่องยิงต่อสู้รถถัง GAM-102LR
แต่พอเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีคนในโซเชียลฯ ตั้งข้อสังเกตว่าจริง ๆ แล้วอาวุธที่ยึดได้ ไม่ใช่เครื่องยิงต่อสู้รถถัง รุ่น GAM-102LR แต่เป็นรุ่นที่ลงท้ายไม่มีคำว่า "LR" ซึ่งความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ คือเทคโนโลยีที่ใช่ในการผลิต การเปิดตัว และประสิทธิภาพ
โดยเครื่องยิงต่อสู้รถถัง รุ่น GAM-102 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2016 เป็นอาวุธรุ่นเก่าที่ออกมาเกือบสิบปีแล้ว ข้อมูลที่ออกมาจึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีความพยายามที่จะบิดเบือน เพื่อด้อยค่าจีนให้เกิดทัศนคติลบต่อรัฐบาลจีน ทั้ง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับที่ อาจารย์ทรงฤทธิ์ โพนเงิน ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง บอกว่า ของกลางที่ทหารไทยยึดได้ จริงอยู่ที่เป็นยุทโธปกรณ์ของจีน แต่ที่มาที่ไป ไม่ใช่การแอบมอบให้กัมพูชา นำมาใช้สู้รบกับไทย แต่เป็นอาวุธที่ใช้ฝึกซ้อมรบ จากความสัมพันธ์จีน-กัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และอาวุธชนิดนี้ก็ถูกนำมาสาธิต พร้อมกับใส่รหัสปลดล็อกไว้ เพื่อที่ว่าหาก "กัมพูชา" ต้องการมีไว้ใช้งาน ก็ต้องเจราจาขอซื้อให้เรียบร้อยก่อน
ขณะที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันอีกเสียงว่า อาวุธที่จีนให้กับกัมพูชาเป็นของเก่า จีนไม่ได้ส่งมอบอาวุธใหม่ให้กัมพูชามาสู้รบ อาจจะมีหลายวิธีในการได้มา เพราะมีตลาดทั่วไป
และการที่กัมพูชาใช้อาวุธจีน ซึ่งเป็นอาวุธหนักโจมตีไทย ทำให้เราได้รับความเสียหาย และมีพลเรือนเสียชีวิต จึงต้องมีการติดตามพูดคุยกับฝ่ายจีน