กกท. แจง กมธ.ติดตามงบฯ วุฒิสภา เหตุใช้งบกลางจัดซีเกมส์ เงินไม่ครบถ้วน-ได้เงินล่าช้า

กกท. แจง กมธ.ติดตามงบฯ วุฒิสภา เหตุใช้งบกลางจัดซีเกมส์ เงินไม่ครบถ้วน-ได้เงินล่าช้า

View icon 48
วันที่ 17 ธ.ค. 2568 | 13.17 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กกท. แจง กมธ.ติดตามงบฯ วุฒิสภา เหตุใช้งบกลางจัดซีเกมส์ เงินไม่ครบถ้วน-ได้เงินล่าช้า เรียกคุยต่อสัปดาห์หน้า สั่งการบ้าน เหตุเปลี่ยนออร์กะไนซ์กลางคัน-รายละเอียดถ่ายทอดสด

วันนี้ (17 ธ.ค. 68) น.ส. ภิญญาพัชญ์  ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา พร้อมคณะ แถลงผลการประชุมเรื่องงบประมาณในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ของประเทศไทย โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย  และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย

น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ได้เห็นการจัดสรรงบประมาณรวมในช่วงปี 2568 - 2569 วงเงินประมาณ 2,527 ล้านบาท กมธ. มีข้อสังเกตที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้งบกลางในวงเงินประมาณ 434 ล้านบาท ที่รัฐบาลต้องเข้ามาสนับสนุน ซึ่งผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ชี้แจงว่า การต้องใช้งบกลางจำนวนมากนี้ เป็นผลจากการที่หน่วยงานมีการประมาณการการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่ครบถ้วน ไม่ครอบคลุม และล่าช้า โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายหลัก เช่น พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน, ค่าที่พัก, ค่าเดินทาง และค่าอาหารของนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง ไปจนถึงประเด็นการถ่ายทอดสด ซึ่งเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่กระชั้นชิด

น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า กมธ. ตระหนักดีว่า การจัดการแข่งขันระดับนานาชาติมีความซับซ้อน แต่ขอตั้งข้อสังเกตอย่างจริงจังว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยไม่ได้ขาดประสบการณ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดซีเกมส์ เพราะเคยจัดมาแล้ว ดังนั้น เราจึงขอให้ กกท. แสดงความรอบคอบและเป็นมืออาชีพในการของบประมาณที่ครบถ้วน ครอบคลุม และรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลต้องจัดสรรงบกลางมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความล่าช้า หรือการประมาณการที่ผิดพลาดอีกในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ยังมีเนื้อหาบางอย่างที่ กมธ.อยากได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชน กมธ.จึงมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดของการของบประมาณปี 2568 - 2569

“ทางคณะฯ ต้องการเห็นทั้งโครงการ แผนงานรายละเอียดโครงการ แผนงาน TOR ข้อกำหนดขอบเขตงาน เป้าหมาย และตัวชี้วัด รวมถึงวิธีการและหน่วยงานที่รับผิดชอบในการประเมินผลโครงการ โดยกำหนดให้มีการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ ในวันที่ 23 ธ.ค. 68 ในที่ประชุม กมธ.” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

น.ส.ภิญญาพัชญ์ ย้ำว่า ยังมีรายละเอียดในประเด็นสำคัญอื่น ๆ อีก เช่น 1.จากที่มีข่าวเรื่องการเปลี่ยนแปลงออร์กะไนซ์ กมธ. จึงเชิญทั้งออร์กะไนซ์ที่เป็นข่าว และออร์กะไนซ์ที่ได้รับการว่าจ้างจริง รวมถึงกรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณ เข้ามาชี้แจงร่วมกันในวันเดียวกัน และ 2. เรื่องการถ่ายทอดสด กมธ.ต้องการทราบรายละเอียดตั้งแต่การกำหนดนโยบาย จนถึงการเห็นชอบ และที่สำคัญคือการจัดสรรเงินที่ได้จากการถ่ายทอดสดว่าหน่วยงานใดได้รับจัดสรรเงินนี้ และนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง เหตุใดจึงไม่ใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

“คณะกรรมาธิการ ขอเน้นย้ำว่าการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจำนวนกว่า 2,500 ล้านบาท ต้องมีความคุ้มค่า และไม่ใช่เพียงแค่การจัดการแข่งขันให้ลุล่วงไปเท่านั้น แต่ต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม เราหวังว่าความร่วมมือจากทุกหน่วยงานในการให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส จะนำไปสู่การจัดการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จ และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทุกคน” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

ส่วนกรณีดรามาเกี่ยวกับ ทีม RoV (AOV) หญิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งนำไปสู่การถอนทีมออกจากการแข่งขันทั้งหมด น.ส. ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า ตนต้องแสดงความกังวลและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างยิ่ง การละเมิดหลักการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงขอให้สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยดำเนินการในเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและเด็ดขาดที่สุด เพื่อแสดงความรับผิดชอบและรักษามาตรฐานของวงการกีฬา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง