อัลบั้ม ครั้งแรกของโลก! ซ้อมกู้ภัยร่วม “ช้าง–สุนัข–มนุษย์”

อัลบั้ม ครั้งแรกของโลก! ซ้อมกู้ภัยร่วม “ช้าง–สุนัข–มนุษย์”

View icon 53
วันที่ 17 ธ.ค. 2568 | 12.28 น.
ข่าวภูมิภาค
แชร์
ครั้งแรกของโลก! ซ้อมกู้ภัยร่วม “ช้าง–สุนัข–มนุษย์” ฝึก TIMS 2025 ที่เชียงใหม่ บูรณาการพลังสัตว์–คน รับมือภัยพิบัติยุคใหม่

เชียงใหม่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการกู้ภัยโลก เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่บ้านช้างตระกูลแสน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีการฝึกซ้อมการค้นหาและกู้ภัยระดับนานาชาติ Thailand International Multi-Hazard SAR Exercise (TIMS 2025) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการนำ “ช้าง” และ “สุนัข K9” เข้าร่วมฝึกปฏิบัติการกู้ภัยร่วมกับมนุษย์อย่างเป็นระบบ ท่ามกลางความสนใจจากหน่วยงานด้านความมั่นคงและการช่วยเหลือภัยพิบัติทั้งในและต่างประเทศ

นายไชยเชษฐ์ พัดสี ผู้อำนวยการฝึกอบรมและกู้ภัย ประจำภูมิภาคเอเชีย สมาพันธ์การค้นหาและกู้ภัยนานาชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย ดินถล่ม หรืออุบัติเหตุขนาดใหญ่ การเตรียมความพร้อมด้านการค้นหาและกู้ภัยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การฝึก TIMS 2025 ครั้งนี้ มุ่งเน้นการบูรณาการศักยภาพของมนุษย์และสัตว์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบโต้ภัยพิบัติและลดการสูญเสียในสถานการณ์จริง

การฝึกซ้อมครั้งนี้มีช้างจากบ้านช้างตระกูลแสนเข้าร่วมจำนวน 4 เชือก นำทีมโดย พลายแสนทรัพย์ พลายแสนตัน พลายวาเลนไทน์ และพลายงาม พร้อมด้วยสุนัขค้นหาและกู้ภัย (K9) จำนวน 6 ตัว พันธุ์ลาบราดอร์และโกลเดนรีทรีฟเวอร์ โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 4 สถานีหลัก ประกอบด้วย การตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ สถานการณ์เฮลิคอปเตอร์ตก สถานการณ์ดินสไลด์และแพคว่ำ และสถานการณ์อุบัติเหตุรถตกเหว เสมือนเหตุการณ์ภัยพิบัติจริงในพื้นที่ทุรกันดาร

นายไชยเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของการฝึกครั้งนี้คือการนำจุดแข็งของสัตว์แต่ละชนิดมาใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม สุนัข K9 มีความสามารถในการดมกลิ่นและค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ซับซ้อน ขณะที่ช้างมีพละกำลัง แข็งแรง และคุ้นเคยกับภูมิประเทศทุรกันดาร สามารถลุยน้ำ ลุยโคลน และลำเลียงอุปกรณ์หรือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ยานพาหนะหรือเครื่องจักรหนักไม่สามารถเข้าถึงได้

ด้านนายสุทธิเกียรติ โสภณิก ผู้อำนวยการองค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ K9 USAR Thailand ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการฝึก TIMS 2025 ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกของความร่วมมือระหว่างสุนัขกู้ภัยและช้างอย่างเป็นรูปธรรม สุนัขมีความคล่องตัวและรวดเร็ว ส่วนช้างมีพละกำลังและความทนทาน เมื่อนำมาประสานการทำงานร่วมกัน จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการตอบสนองต่อภัยพิบัติได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ในปี 2569 มีแผนขยายความร่วมมือในระดับนานาชาติ โดยเชิญประเทศที่มีช้าง เช่น สปป.ลาว เมียนมา มาเลเซีย และไต้หวัน เข้าร่วมการฝึก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมกันพัฒนามาตรฐานการกู้ภัยในระดับภูมิภาค

ขณะที่พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑุฒโน หรือพระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง ผู้ก่อตั้งบ้านช้างตระกูลแสน กล่าวว่า แนวคิดการพัฒนาช้างกู้ภัยเกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงในช่วงอุทกภัยครั้งใหญ่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2567 ที่มีการนำช้างจำนวน 4 เชือก เข้าช่วยลำเลียงอาหารและสิ่งของไปยังชุมชนที่ถูกตัดขาด จึงเห็นศักยภาพของช้างในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และพัฒนาทักษะให้สามารถปฏิบัติงานด้านกู้ภัยได้อย่างจริงจัง

พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันช้างของบ้านช้างตระกูลแสนผ่านการฝึกด้านการกู้ภัยแล้ว 8 เชือก และพร้อมเข้าปฏิบัติการทันทีหากเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ลดความสูญเสีย และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างทีมกู้ภัยมนุษย์ ช้าง และสุนัข ไม่ว่าจะเป็นโดรนทางอากาศหรือโดรนตรวจจับความร้อน เพื่อสำรวจเส้นทางและวางแผนก่อนเข้าพื้นที่จริงอย่างรอบคอบและปลอดภัย

การฝึก TIMS 2025 ครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการพัฒนาระบบกู้ภัยแบบบูรณาการ และอาจกลายเป็นต้นแบบใหม่ของการใช้ “พลังสัตว์” ควบคู่เทคโนโลยีและมนุษย์ เพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคตอย่างยั่งยืน