วันนี้ (18 ธ.ค. 68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม น.ส.ปรีญารัตน์ อายุ 26 ปี โดยต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริตหรือ หลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ของตน
โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด” ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 691/2568 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เลขคดีอาญา สภ.ท่าม่วง ที่ 167/2568 ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณภายในการเคหะ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ ผู้เสียหาย ได้พบเห็นบัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า ทิวา ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะและแสดงตนเป็นบุคคล มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการโพสต์ให้ความรู้และแนวทางการซื้อขายหุ้น เพื่อสร้างผลกำไร ผู้เสียหายเกิดความสนใจ จึงเข้าไปติดตามและอ่านข้อมูลดังกล่าว
ต่อมา บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ชักชวนให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อทิวา และ ผู้เสียหายได้เริ่มสนทนากับแอดมินในไลน์ดังกล่าว ซึ่งได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการลงทุนหุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อถือ
จากนั้น แอดมินทิวา ได้แนะนำให้ผู้เสียหายรู้จักกับบัญชีไลน์อีกบัญชีหนึ่งชื่อเดียร์ โดยอ้างว่าเป็นเลขาส่วนตัวและเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้เสียหายได้นำหมายเลขดังกล่าวไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. พบว่ามีรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตจริง ทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ต่อมาเดียร์ ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าร่วมกลุ่มไลน์ OpenChat ชื่อ “Profit Path 21” เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการลงทุน และภายหลังยังแนะนำบัญชีไลน์ชื่อ กัญญารัตน์ ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ลงทุนในกลุ่มมาก่อน เพื่อคอยให้คำปรึกษาและพูดคุยสร้างความมั่นใจในการลงทุน
โดยในช่วงต้นเดือนส.ค. 67 เดียร์ ได้แนะนำให้ผู้เสียหายเริ่มลงทุนหุ้น โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูง พร้อมแนะนำให้เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็นทางการชื่อ Macquarie ผู้เสียหายได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่แอดมินแนะนำจนเสร็จสิ้น และได้รับแจ้งว่าสามารถทำการซื้อขายได้
ภายหลัง แอดมินไลน์ Macquarie จะเป็นผู้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารต่าง ๆ ที่กำหนด เพื่อใช้ในการซื้อขายหุ้น โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนปกติของการลงทุน ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินเพื่อการลงทุนรวมทั้งสิ้น 13 ครั้ง ไปยังบัญชีธนาคารของบริษัทจำนวน 3 บริษัท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,680,000 บาท
ในระหว่างการลงทุน ระบบในแพลตฟอร์มไลน์ Macquarie แสดงผลลักษณะคล้ายกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีการแสดงราคาหุ้น ยอดเงินลงทุน และผลกำไร ทำให้ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นการซื้อขายจริง อีกทั้งผู้เสียหายสามารถทดลองถอนเงินออกมาได้ 2 ครั้ง และได้รับเงินคืนจริง ยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น
ต่อมา ระบบแสดงผลว่าผู้เสียหายมีกำไรสะสมสูงกว่า 20 ล้านบาท และแอดมินได้ชักชวนให้ขยับไปลงทุนในระดับที่สูงขึ้น (Class B) จนกระทั่งเมื่อผู้เสียหายประสงค์จะถอนเงินจำนวนมาก กลับถูกอ้างว่าบัญชีอยู่ระหว่างการทำ “ลีเวอเรจมาร์จิ้น” ไม่สามารถถอนเงินได้
หลังจากนั้น แอดมินทุกบัญชีได้แจ้งให้ผู้เสียหายชำระเงินเพิ่มเติมประมาณร้อยละ 10 ของกำไร อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ หากไม่ชำระจะไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวได้ และได้เสนอให้หักจากยอดเงินในระบบหรือผ่อนชำระ แต่ถูกปฏิเสธ และกลุ่มแอดมินเริ่มขาดการติดต่อผู้เสียหายจึงเชื่อโดยแน่ชัดว่า ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยสร้างแพลตฟอร์มปลอมให้มีลักษณะเสมือนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และให้โอนเงินไปยังบัญชีบริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 3,680,000 บาท
ผู้เสียหายจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบและสืบสวนเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ ทราบชื่อภายหลัง คือ น.ส.ปรีญารัตน์ อายุ 26 ปี ซึ่งน.ส.ปรีญารัตน์ ให้การว่า เมื่อปี พ.ศ. 2567 ตนได้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารจำนวน 6 บัญชี จากนั้นได้เดินทางไปยังเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา และได้นำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปมอบให้กับกลุ่มบุคคล ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นขบวนการสแกมเมอร์
โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าบัญชีธนาคารของตนจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือใช้หลอกลวงประชาชน
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า น.ส.ปรีญารัตน์ เคยถูกจับกุมในคดีลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว ในท้องที่ สน.บึงกุมและยังมีคดีที่รอดำเนินการอยู่อีกหลายท้องที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิตามหมายจับที่เกี่ยวข้อง และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง ภ.จว.กาญจนบุรี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป