สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม 2568

View icon 44
วันที่ 22 ธ.ค. 2568 | 20.01 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 08.25 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทรงวางพวงมาลัยถวายสักการะ พระพุทธสิรินาคมุนินทร์ ณ เจดีย์พระธาตุผาแดง ซึ่งก่อสร้างในปี 2560 โดยบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นพุทธบูชา และศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกช และรำลึกถึงเจดีย์องค์เดิม ซึ่งย้ายไปตั้งที่่บ้านค้างภิบาล ตำบลพระธาตุผาแดง

จากนั้น ทรงติดตามการฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่โครงการฯ มีการปลูกไม้ดอกสีขาว 10 ชนิด บริเวณพระธาตุผาแดง 30 ไร่ บำรุงและดูแลแปลงฟื้นฟูป่าในพื้นที่ที่เคยทำเหมือง 4 แปลง รวม 49 ไร่ และปลูกป่าโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ฯ ในพื้นที่โดยรอบฯ ในปี 2568 รวม 1,470 ไร่ 280 แปลง มีราษฎรเข้าร่วมโครงการฯ 177 คน ทั้งยังจัดตั้งป่าชุมชน 5 แปลง 1,393 ไร่ รวมถึงพิจารณาใช้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพชีวิตควบคู่การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ตลอดจนปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมครูป่าไม้ และค่ายเยาวชนรักษ์พงไพรฯ ส่วนโครงการจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์ ปัจจุบัน ผู้รับเหมาเข้าเตรียมการในพื้นที่ ด้านงานก่อสร้างอาคาร (เรือนกระจก) อยู่ระหว่างจัดทำเอกสาร รายการก่อสร้างและกำหนดราคากลาง เพื่อสรรหาผู้รับจ้าง กำหนดแล้วเสร็จในปี 2570

เวลา 08.58 น. ทรงเปิดห้องปฏิบัติการและฝึกอบรม ศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมกล้วยไม้ป่า และพรรณไม้ท้องถิ่นหายาก (พืชล้มลุก) ในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมฯ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้รับงบประมาณจากสำนักงาน กปร. จัดสร้างห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อสำรวจ รวบรวม และอนุรักษ์พันธุกรรมพืชของผืนป่าแนวตะวันตก ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีพรรณไม้เฉพาะถิ่นจำนวนมาก ครอบคลุมพื้นที่ตามแนวเทือกเขาถนนธงชัย และเทือกเขาตะนาวศรี ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตั้งแต่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก กาญจนบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ รวม 26 แห่ง ประมาณ 27 ล้านไร่

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและขยายพันธุ์พรรณพืชผืนป่าตะวันตก ให้ความสำคัญกับพืชที่มีเอกลักษณ์ เช่น ชาม่วง, เครือเทพรัตน์, รองเท้านารีเวศย์วรุตม์ ซึ่งเป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เพื่อรวบรวมและอนุรักษ์ไว้ในแหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมนอกถิ่น ได้แก่ สวนพฤกษศาสตร์และสวนรุกขชาติในพื้นที่ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิคพัฒนาส่วนผสมของดินปลูกเพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติ รวมถึงการเพาะเลี้ยงในโรงเรือน, การแบ่งหน่อ และการนำต้นกล้าขนาดเล็กจากธรรมชาติมาอนุบาล 

การอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้น้ำ ซึ่งเป็นพืชถิ่นเดียวที่มีการกระจายพันธุ์จำกัด พบเพียงที่จังหวัดตาก, น่าน และกาญจนบุรี เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร ศึกษาวิจัยการขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด ในสภาพปลอดเชื้อ โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คาดว่าจะเพาะขยายพันธุ์กล้วยไม้น้ำ ร่วมกับชุมชน เพื่อคืนสู่ถิ่นกำเนิด เพิ่มประชากรกล้วยไม้น้ำในธรรมชาติ

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 มีการทดลองเพาะเลี้ยงเมล็ดกล้วยไม้ป่าไป 18 ชนิด ในอนาคตจะทดลองขยายพรรณไม้ในพระนาม ที่เป็นพืชถิ่นเดียว เช่น นางพญาชาฤาษี, ช้องเจ้าฟ้า, ชมพูราชสิริน ไปเลี้ยงในโรงเรือน เพื่อสนับสนุนการจัดแสดงในสวนพฤกษศาสตร์ผาแดง ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และถ่ายทอดความรู้ให้ชุมชน นำไปเป็นอาชีพสร้างรายได้

เวลา 09.40 น. ทรงปลูกต้นไม้วงศ์มะม่วง 9 ต้น อาทิ มะปริง, พระเจ้าห้าพระองค์ และเปรียง ซึ่งล้วนมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดตาก หรือ โครงการผาแดง สำนักงาน กปร.ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินงาน ปี 2568 รวบรวมพันธุ์ไม้พระราชทาน 40 วงศ์ 93 สกุล 123 ชนิด, พรรณไม้ผืนป่าตะวันตก ไม้เฉพาะถิ่น และพรรณไม้หายาก 66 วงศ์ 174 สกุล 294 ชนิด และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วยไม้ 91 สกุล 354 ชนิด รวมถึงปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูบูรณะระบบนิเวศป่าเหมืองแร่สังกะสี ในพื้นที่ 326 ไร่ พร้อมผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ

สำหรับการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่สังกะสี จะแล้วเสร็จในปี 2570 เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องการทำเหมืองฯ และประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ส่วนการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม พบว่า น้ำผิวดินอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนดินบางพื้นที่ยังมีค่าโลหะหนักเกินมาตรฐาน จะวางแผนการเฝ้าระวังและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปี 2569 จะขยายผลไปสู่พื้นที่เป้าหมาย คือ บ้านพะเด๊ะ และบ้านถ้ำเสือ ตำบลพระธาตุผาแดง, บ้านแม่กุเหนือ และบ้านหนองน้ำเขียว ตำบลแม่กุ

ส่วนการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในหมู่บ้านขยายผล มีกลุ่มเปราะบาง 1,270 คน ได้รับความช่วยเหลือในมิติต่าง ๆ มีสถานศึกษา 14 แห่ง มีนักเรียน 1,587 คน จังหวัดได้น้อมนำพระราชดำริ ในการแก้ปัญหาอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้  ในปี 2568 มีนักเรียนผ่านการประเมิน 1,246 คน และยังส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้

การติดตามและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 2568 มีการเก็บตัวอย่างคุณภาพสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้านต่าง ๆ เน้นตรวจสอบคุณภาพน้ำและผิวดิน พบว่าคุณภาพน้ำประปาและผิวดินอยู่ในเกณฑ์ ซึ่งจะติดตามและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคุณภาพตะกอนดินและน้ำ เพื่อการใช้ประโยชน์, ตรวจสอบการปนเปื้อนมลพิษในผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน

โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ในพื้นที่จังหวัดตาก เริ่มดำเนินการปี 2559 ในพื้นที่ 8 อำเภอ เพื่อฟื้นฟูป่าต้นลำธาร, ลดรายจ่าย สร้างรายได้, สร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาป่า, และสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ในปี 2568 มีการคัดเลือกบุคคลต้นแบบ, กลุ่มต้นแบบ นวัตกรรมต้นแบบ, และผู้ปฏิบัติงานต้นแบบ ที่มีแนวปฏิบัติที่ดี เข้าร่วมประชุมวิชาการและจัดนิทรรศการแลกเปลี่ยนความรู้ ปัจจุบัน มีผู้เข้าร่วมโครงการ 7,745 คน ช่วยสร้างรายได้ และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน

"โครงการค่ายเยาวชนรักษ์พงไพร เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ร่วมกับศูนย์เรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ จังหวัดตาก และภาคีเครือข่าย 12 หน่วยงาน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด รักษ์ชาติ รักษ์ศาสน์ รักษ์กษัตริย์ มีนักเรียนและครู 406 คน จาก 4 โรงเรียน เข้าร่วมโครงการฯ ช่วยสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เป็นแกนนำในการขยายองค์ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ไปสู่โรงเรียนและชุมชน

จากนั้น พระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียน 4 คน ที่ได้รับคัดเลือก ที่มีความสนใจด้านพฤกษศาสตร์ ให้เรียนต่อด้านพฤกศาสตร์ เพื่อเป็นกำลังในการอนุรักษ์ และทำงานด้านพฤกษศาสตร์ในอนาคต

โอกาสนี้ มีพระราชดำรัสแก่ผู้มาเฝ้าทูลละอองพระบาท

โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมฯ เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี 2558 เพื่อพัฒนาพื้นที่เหมืองแร่เดิม คือ บริษัท ผาแดงอิสดัสตรี จำกัด (มหาชน) ที่ยุติการทำเหมือง ให้เป็นศูนย์การพัฒนาและแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสานต่อ และมีพระราชดำริให้รวบรวมพรรณไม้ จัดทำสวนพฤกษศาสตร์ เพื่อการอนุรักษ์และเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน

เวลา 13.22 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินโครงการตามพระราชดำริ ณ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแม่หละคี อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งเปิดสอน เมื่อปี 2545 ในระดับก่อนประถมศึกษา และประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 100 คน ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ ภาษากะเหรี่ยง โดยได้สนองพระราชดำริ ในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน และแลกเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอน กับโรงเรียนโมโกรวิทยาคม และปลูก "เอื้องนางแลว" 200 กอ ซึ่งเป็นดอกไม้ป่าหายาก นำไปประกอบอาหาร มีรสหวาน มีสรรพคุณทางยา ช่วยให้ผ่อนคลาย

การดำเนินงาน ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯ ได้ดำเนินการตามเป้าหมายหลักทุกด้าน เพื่อแก้ปัญหาด้านการศึกษา การสาธารณสุข ของเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น, ด้านการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา นักเรียนเข้าศึกษาต่อมัธยมศึกษา ครบทุกคน โอกาสนี้ นักเรียนในพระราชานุเคราะห์ เฝ้าทูลละอองพระบาท กราบบังคมทูลรายงานผลการเรียน พบว่า นักเรียนที่สำเร็จการศึกษา ได้ประกอบอาชีพตามความถนัด ในจำนวนนี้ เป็นครู สอนที่โรงเรียนหนองบัว จังหวัดตาก

ด้านทักษะอาชีพ ส่งเสริมการทอผ้ากะเหรี่ยง ให้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 นำไปเย็บเป็นเสื้อพื้นเมือง, ผ้าห่ม, กระเป๋า จำหน่ายตามงานต่าง ๆ ของอำเภอ และส่งเสริมให้แต่งกายชุดประจำเผ่าทุกวันอังคาร และวันศุกร์ เพื่อร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม ของชาวปกาเกอะญอ

ด้านการเสริมสร้างสุขภาพของเด็กตั้งแต่ในครรภ์มารดา พบว่า เด็กเจริญเติบโตและมีพัฒนาการสมวัย, ส่วนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีการปลูกพืชผัก ไม้ผล ซึ่งเป็นผักปลอดสารพิษ, มีโรงเรือนอนุบาลลูกไก่, โรงเรืยนเลี้ยงไก่พื้นเมือง, ไก่พันธุ์ไข่, เป็ดพันธุ์กากีแคมเบล, โรงเรือนเลี้ยงสุกร, บ่อปลานิล และปลาดุก เพื่อนำไปประกอบอาหารกลางวัน มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี มีหลายหน่วยงานเข้ามาสนับสนุน และทางศูนย์ฯ ได้ขยายผลกิจกรรมการเกษตร และการดูแลสุขภาพอนามัย เป็นศูนย์บริการความรู้ให้กับชุมชนด้วย

ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงเยี่ยมประชาชน ที่มาเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ และทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน โดยมีนักเรียน และประชาชนมารับบริการ 131 คน ส่วนใหญ่ ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ โดยมีผู้ป่วยอายุ 2 ขวบ 8 เดือน มีพัฒนาการล่าช้า ขาดการรักษาต่อเนื่อง จึงได้พระราชทานเงินสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการไปรักษาที่โรงพยาบาลท่าสองยาง

โอกาสนี้ ทรงติดตามการใช้ประโยชน์พื้นที่อาคารพระราชทาน 22 และอาคารพระราชทาน 25 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้าง ณ โรงพยาบาลท่าสองยาง เริ่มให้บริการเมื่อปี 2567 ปัจจุบันสามารถรองรับผู้ป่วยที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขา ที่ประสบปัญหาการเดินทาง และเรื่องค่าใช้จ่าย

ข่าวอื่นในหมวด